จะเรียกว่าปิดตำนานวัดป่าแห่งนี้คงจะไม่ผิดนัก เพราะปัจจุบันเงียบเหงาและมีปัญหาการเงินที่จะนำมาดูแลสัตว์ที่เหลืออยู่ ในขณะที่เสือที่ถูกยึดยังอยู่ระหว่างการปรับพฤติกรรมให้สัญชาตญาณสัตว์ป่าของมันกลับมาอีกครั้ง
เสือโคร่ง 147 ตัว ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตรวจยึดจากวัดป่าหลวงตาบัวญาณสัมปันโน จ.กาญจนบุรี มาอยู่ในความดูแลของสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง จ.ราชบุรี เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พวกมันถูกปรับพฤติกรรมให้เหมาะสมตามหลักวิชาการ โดยเฉพาะเรื่องอาหารและความเป็นอยู่ ซึ่งมีสัตว์แพทย์คอยดูแลสุขภาพเป็นประจำ
ผลตรวจดีเอ็นเอเสือของกลางทั้งหมดพบว่าส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ไซบีเรีย มลายู และอินโดไชนิส มีถิ่นอาศัยในต่างประเทศ ส่วนการเปรียบเทียบความสัมพันธ์พ่อ แม่ ลูก เสือ 114 ตัว มีความสัมพันธ์กัน ส่วนเสือจำนวน 10 ตัว ตรวจไม่พบแม่ จำนวน 11 ตัว ตรวจไม่พบพ่อ และอีก 9 ตัว พร้อมซากลูกเสือ 6 ตัว ตรวจไม่พบทั้งพ่อและเเม่
ล่าสุดตำรวจสากลประสานขอตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอลูกเสือโคร่ง 4 ตัว ที่ตรวจยึดได้ในประเทศกลุ่มอาเซียนเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับดีเอ็น เนื่องจากสงสัยว่าอาจมีความสัมพันกับเสือโคร่งของกลางที่ตรวจยึดจากวัดป่าหลวงตาบัวฯ ร่วมทั้งตรวจสอบว่ามีการลักลอบค้าเสือข้ามชาติหรือไม่
ที่วัดป่าหลวงตาบัวฯ หลังถูกย้ายเสือออกไป บรรยากาศเป็นอย่างเงียบเหงา มีเพียงพระลูกวัด ลูกศิษย์วัด และอาสาสมัครดูแลสัตว์เลี้ยง ส่วนบริเวณกรงเสือ ทางวัดเริ่มมีการรื้อถอน ขณะที่สัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าที่เหลืออยู่มีประชาชนบางส่วนนำอาหารมาเลี้ยง หลังมีการโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย แสดงความห่วงใยความเป็นอยู่สัตว์ในวันที่ทางวัดไม่มีรายได้จากการแสดงเสือ อดีตทนายความของวัด มองว่าที่ผ่านมาก็มีการก่อตั้งมูลวัดป่าหลวงตาบัวเพื่อช่วยเหลือสัตว์ หากดูจากรายได้จากการท่องเที่ยวปีละกว่า 100 ล้านบาท และดำเนินการมาเกือบ 10 ปี น่าจะมีเงินเพียงพอในการดูแลสัตว์ที่เหลืออยู่
สำหรับที่ดินของทางวัด 931 ไร่ ซึ่งบุกรุก ที่ดิน สปก. ปฎิรูปที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี เริ่มนำเครื่องจักรเข้าปรับพื้นที่ ก่อนจัดสรรให้เกษตรกรที่ยากจน และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เตรียมส่งหลักฐานการตรวจดีเอ็นเอ ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องในข้อกล่าวหาครอบครองและค้าสัตว์ป่าสัตว์ป่าคุมครองโดยไม่ได้รับอนุญาต