นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวจะลดปริมาณผลผลิตข้าวที่มากเกินความต้องการ ขณะที่การผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปัจจุบันผลผลิตยังไม่เพียงพอกับความต้องการ ทำให้ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ อีกทั้งการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยังลดการใช้น้ำ เพราะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ใช้น้ำเพียง 500-700 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ ในขณะที่ข้าวใช้น้ำสูงถึง 1,200-1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ นอกจากนี้ผลผลิตและผลตอบแทนของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยังดีกว่าข้าว เพราะข้าวเป็นพืชที่ต้องพึ่งพาตลาดส่งออก ซึ่งสถานการณ์ราคาข้าวในปัจจุบันเป็นทิศทางขาลง
สำหรับพื้นที่เป้าหมายมีความเหมาะสมกับการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และเป็นพื้นที่ที่เกษตรกรมีแนวโน้มจะปลูกข้าวรอบ 2 โดยดูจากข้อมูลการผลิตข้าวในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตรคือตั้งแต่ปี 2555/56 - 2558/59 ซึ่งจากการวิเคราะห์ของกรมพัฒนาที่ดินพบว่ามีพื้นที่ที่ดินมีความเหมาะสมรวมกันกว่า 8 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในเขตชลประทาน 31 จังหวัด พื้นที่รวม 2 ล้านไร่
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้ทดลองนำร่องส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พบว่าเกษตรกรได้ผลผลิตเฉลี่ย 900-1,000 กิโลกรัมต่อไร่ มีกำไรจากการผลิตไร่ละ 2,000-4,000 บาท สำหรับการจัดหาเมล็ดพันธุ์มาจากสมาชิกของสมาคมผู้ค้าพันธุ์พืชไทย และมีตลาดรับซื้อแน่นอน ผ่านความร่วมมือของเอกชนในรูปแบบ "ประชารัฐ" รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เบอร์ 2 ความชื้น 14.5% ในราคาไม่ต่ำกว่า 8 บาทต่อกิโลกรัม