รายงานดัชนีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ( World Giving Index) ที่เผยแพร่เมื่อต้นสัปดาห์นี้เกิดจากการสำรวจข้อมูลประชาชนใน 140 ประเทศใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1) การบริจาคทรัพย์สินเพื่อการกุศล 2) การช่วยเหลือคนแปลกหน้า 3) การสละเวลาทำงานอาสาสมัคร ซึ่งผลปรากฏว่าเมียนมาได้คะแนนรวมสูงสุดจึงครองแชมป์ประเทศที่ผู้คนมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มากที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 3
การสำรวจพบว่าชาวเมียนมา 9 ใน 10 เคยบริจาคทรัพย์สินในช่วง 1 เดือนก่อนการสำรวจ ผู้จัดทำรายงานวิเคราะห์ว่า ความใจบุญของชาวเมียนมามีที่มาจากคำสอนในพุทธศาสนานิกายเถรวาทและประเพณีการทำสังฆทานซึ่งหมายถึงการให้ทานแก่พระสงฆ์ นอกจากนี้ชาวเมียนมายังสละเวลาทำงานอาสาสมัครมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากเติร์กมีนิสถาน
ประเทศที่มีคะแนนรวมความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่สูงสุดรองจากเมียนมา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และศรีลังกา ขณะที่อิรักถูกยกให้เป็นชนชาติที่มีน้ำใจต่อคนแปลกหน้ามากที่สุดต่อเนื่องเป็นปี 2
สำหรับประเทศไทยมีคะแนนรวมความเอื้อเฟื้ออยู่อันดับที่ 37 ของโลก ตกลงจากอันดับ 19 ในการสำรวจปี 2015 และอยู่ในอันดับที่ 5 ของอาเซียนรองจากเมียนมา อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์
เมื่อแยกดูใน 3 ประเด็นของการสำรวจ พบว่า
- การบริจาคทรัพย์สินเพื่อการกุศล: ไทยอยู่อันดับที่ 12 การสำรวจพบว่าคนไทยบริจาคเงินเพื่อการกุศลลดลง (วัดจากคำถามที่ว่าเคยบริจาคทรัพย์สินในช่วง 1 เดือนก่อนการตอบแบบสอบถามหรือไม่) ทำให้ตกจากอันดับ 2 ในเรื่องการบริจาคเงินเมื่อปี 2558 มาอยู่ที่อันดับ 12 ในปีนี้ และนับเป็นครั้งแรกที่ไทยหลุดจากการเป็น 10 ประเทศแรกที่ผู้คนบริจาคเงินเพื่อการกุศลมากที่สุด
- การช่วยเหลือคนแปลกหน้า: ไทยอยู่อันดับที่ 98
- การสละเวลาทำงานอาสาสมัคร: ไทยอยู่อันดับที่ 84
รายงานดัชนีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของ CAF ยังพบด้วยว่า
- อังกฤษเป็นประเทศที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มากที่สุดในยุโรป ตามด้วยไอร์แลนด์และเนเธอร์แลนด์
- ในหลายประเทศพบว่า ผู้ชายอาสาช่วยเหลือคนแปลกหน้ามากกว่าผู้หญิง
- โดยเฉลี่ยแล้วผู้ชายกับผู้หญิงบริจาคเงินเพื่อการกุศลในระดับที่ใกล้เคียงกัน