วานนี้ (28 มิ.ย.) นายสงกานต์ อัจริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นำหญิงสาวอายุ 21 ปี ซึ่งระบุว่า เป็นลูกสาวของผู้ต้องขังอายุ 54 ปี ซึ่งขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำในข้อหาลักทรัพย์ เป็นเงินสดและทรัพย์สินหลายรายการรวมมูลค่า 3 ล้าน 2 แสนบาท เดินทางมายังกองปราบปราม
โดยหญิงสาวอายุ 21 ปี ระบุว่า แม่ของตัวเองถูกนายจ้างคนเดียวกับที่แจ้งความดำเนินคดีกับเด็กหญิง อายุ 19 ปี แจ้งความดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2558 จึงเดินทางมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม และแจ้งความดำเนินคดีอดีตนายจ้างหญิง ในข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน กลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง
หญิงสาวอายุ 21 ปี ระบุว่า สาเหตุที่แม่ถูกดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ เพราะนายจ้างหญิงชักชวนไปทำงานต่างประเทศ แต่แม่ไม่ยินยอมและขอลาออกจากงาน หลังจากนั้นก็ถูกกล่าวหาว่าลักทรัพย์ ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิด และระหว่างถูกดำเนินคดีในชั้นศาล แม่ถูกหว่านล้อมให้เขียนคำรับสารภาพ จึงถูกส่งไปควบคุมตัวที่เรือนจำ เพราะไม่มีหลักทรัพย์มาประกันตัวออกไป
นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ เปิดเผยว่า ทีมทนายความกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับนายจ้างหญิง และจะให้กองปราบปรามตรวจสอบคดีย้อนหลังลักษณะเดียวกันจำนวน 5 คน พร้อมกันนี้เตรียมขอเข้าไปสอบปากคำผู้ต้องหาในเรือนจำ เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี และเชื่อว่า จะสามารถดำเนินคดีกับนายจ้างรายนี้ได้
ด้าน พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป. กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องและมอบหมายให้มีการสอบปากคำผู้ร้องไว้แล้ว และจะเร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ โดยเร็วที่สุด คาดว่าน่าจะเสร็จสิ้นภายใน 2 สัปดาห์ เนื่องจาก พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. กำชับและเน้นย้ำให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย สำหรับการประสานข้อมูลกับตำรวจ สน.ประชาชื่น อยู่ระหว่างดำเนินการ ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้