วันนี้ (20 มิ.ย.2559) นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลประเทศอังกฤษตัดสินยึดทรัพย์สินมูลค่า 395 ล้านบาท จากนายเจมส์ แมคคอร์มิค ผู้ต้องหาในคดีจำหน่ายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดปลอม เพื่อนำเงินไปจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ที่ตกเป็นผู้เสียหายของแมคคอร์มิคและพรรคพวก ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ดังกล่าว
ล่าสุด สตง.เตรียมนำเรื่องนี้มาตรวจสอบใหม่อีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการตรวจสอบพบว่า เครื่องมือดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพใช้งานและหน่วยงานรัฐหลายแห่งที่จัดซื้อเครื่องดังกล่าวมาใช้ได้ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบข้อมูลของบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการจัดจำหน่าย
"สตง.จะนำเรื่องนี้กลับมาตรวจสอบโดยจะติดตามดูว่าพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้ถึงขั้นตอนใดแล้ว นอกจากนี้จะติดตามในแง่ความเสียหายที่หน่วยงานของรัฐได้รับจากการซื้อของแต่ไม่ได้ของที่มีคุณภาพตามที่โฆษณาชวนเชื่อไว้ ขณะเดียวกันเราจะทบทวนว่าเมื่อมีคำพิพากษาจากต่างประเทศชัดเจนแล้วว่าบริษัทแม่ที่อยู่ในต่างประเทศหลอกลวงฉ้อโกง บริษัทลูกในประเทศก็เป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วย เราเชื่อว่าจะดำเนินคดีกับบริษัทลูกได้เพราะอยู่ในขอบเขตของกฎหมายไทย" นายพิศิษฐ์กล่าว
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์แสดงท่าทีชัดเจนว่า จะไม่มีการตรวจสอบเรื่องการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด จีที 200 ในไทยซ้ำอีก เพราะทุกประเทศก็จัดซื้อเครื่องมือนี้มาใช้ แต่เมื่อพบว่าใช้ไม่ได้ก็ยุติการใช้ ส่วนการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทผู้ผลิต หากทำได้ ก็จะดำเนินการ
"ทุกคนเขาก็ซื้อทั้งโลก แล้วจะตรวจสอบอะไรอีก เลิกใช้ไปตั้งนานแล้ว ทิ้งลงถังไปแล้วมั้ง ก็มันใช้ไม่ได้ก็คือใช้ไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์สื่ออย่างมีอารมณ์
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความพร้อมที่จะชี้แจงต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หากจะมีการตรวจสอบซ้ำ โครงการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด จีที 200 แต่มั่นใจว่า การจัดซื้อที่ผ่านมาเป็นไปอย่างโปร่งใส ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี มีคณะกรรมการจัดซื้อ และคณะกรรมการตรวจรับ พร้อมระบุว่า ในช่วงที่กองทัพจัดซื้อนั้น มีการใช้งานไปบ้างแล้ว แต่เมื่อ ครม.ในสมัยนั้นให้ยุติการใช้งาน ก็ไม่มีการใช้งานเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดชนิดนี้อีก