นายเสนาะ เทียนทอง แกนนำพรรคเพื่อไทย เปิดเผยหลังจากผลคะแนนเอ็กซิท โพล แสดงให้เห็นพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำพรรคประชาธิปัตย์ว่า หากพูดถึงการเมืองเปลี่ยนดูรุนแรงไป โดยการเมืองจะเปลี่ยนไปจากการปกครองแบบประชาธิปไตย ซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขไม่ได้ แต่เป็นการเปลี่ยนบุคคลที่ประชาชนได้สรรหาคนดีเข้ามามีอำนาจปกครองบ้านเมือง โดยในปัจจุบัน ยังไม่ได้มีการหารืออะไรกัน โดยจะรอดูการตัดสินของประชาชนอย่างแน่ชัดเสียก่อน โดยขอให้อดใจรอผลคะแนนก่อน
ทั้งนี้ จากการสัมผัสกับประชาชนทั้งประเทศไม่เคยมีแลนด์ สไลด์แบบนี้ โดยในปี 2548 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้คะแนน 370 กว่าเสียง ในช่วงที่มีการปราศรัยยังต้องมีการไปเกณฑ์คนมาฟัง แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้แม้ว่าอากาศจะร้อน แต่ประชาชนมาฟังการปราศรัยหาเสียงเอง เวทีละ 30,000 - 40,000 คน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ โดยการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ที่เงินจะไม่สามารถซื้อเสียงได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยแทบไม่มีเรื่องการจ่ายเงินเลย เนื่องจากไม่มีเงินจะจ่าย โดยกระแสที่จะนำสุภาพสตรีมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นแรงมาก และประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลมีอยู่สูงมาก
อย่างไรก็ตาม มองว่าบ้านเมืองจะไม่ตกต่ำ และเกิดความแตกแยกไปมากกว่านี้อีกแล้ว และไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนขึ้นมานโยบายแรกสุดคือการสร้างความปรองดอง ความรัก ความสามัคคีของคนในชาติให้กลับมาคืนมาโดยเร็วที่สุด และมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยคาดว่าจะได้คะแนนมากกว่า 300 เสียงขึ้นไป ส่วนจะเป็นการจัดตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียว หรือหลายพรรคจะต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมแต่ละพรรคได้คะแนนเสียงมาเท่าไร โดยจะรักษาความปรองดองเป็นที่ตั้ง เพราะฉะนั้น สบายใจได้ว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน
นายเสนาะ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ได้ให้คำแนะนำแก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปหมดแล้ว ซึ่งในบั้นปลายของชีวิตต้องการอย่างเดียวคือให้มีการเปลี่ยนแปลงโดยประชาชน โดยที่แนะนำไปคือ ความปรองดอง และคอร์รัปชั่นจะต้องไม่มีโดยเด็ดขาด โดยถ้า ส.ส.คนไหนเข้าไปในสภาแล้วต้องการผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวมก็ไม่ควรเอาไว้ ส่วนหากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลจริงจะดูความเหมาะสมอีกครั้งว่าจะเข้าไปรับตำแหน่งในรับบาลหรือไม่ โดยจะยึดสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติเป็นสำคัญ
แท็กที่เกี่ยวข้อง: