ความคืบหน้าคดีนางสรารัตน์ หรือแอมวางยาไซยาไนด์ ซึ่งเหตุการณ์มีผู้เสียชีวิตอันต้องสงสัยว่าเกิดจากการถูกวางยาไซยาไนด์เสียชีวิต 11 คนแล้ว ส่วนผู้รอดชีวิต 1 คน เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนแล้ว
วันนี้ (26 เม.ย.2566) ผู้เสียหายซึ่งเป็นสามีของนางจันทร์รัตน์ วงศ์ไกรสิณ ที่เสียชีวิตไปเมื่อเดือนส.ค.2565 เข้าให้ข้อมูลกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะเป็นผู้ดูแลคดีนี้
โดยผู้เสียหาย เล่าว่า ทั้งภรรยาและตัวเองรู้จักนางแอม ผ่านเพื่อน ซึ่งเป็นตัว แทนประกันชีวิตที่ จ.ราชบุรี ซึ่งนางแอม ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มของภรรยา
อ่านข่าวเพิ่ม ตร.กองปราบฯ จับ "ผู้ต้องหา" คดีวางยาเท้าแชร์เสียชีวิต จ.ราชบุรี
ในวันเกิดเหตุนางแอม โทรศัพท์ ชวนภรรยาให้ออกไปเจอในช่วงเช้า ออกไปไม่นาน ก็กลับเข้าบ้านพร้อมอาการไม่ค่อยดี จึงเข้าไปนอนพัก
ส่วนตัวเองออกไปทำงาน และกลับเข้ามาทานมื้อเที่ยงที่บ้านก็พบว่า ภรรยาหมดสติในลักษณะคว่ำหน้าตัวเขียว จึงโทร. 1669
เมื่อชุดกู้ชีพมาถึง ก็พยายามช่วยเหลือและนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ไม่เป็นผล และเสียชีวิต ด้วยสาเหตุระบบโลหิตล้มเหลว ซึ่งตัวเองและครอบครัวคิดว่า เป็นปัญหาสุขภาพ จึงไม่ได้ติดใจ ไม่ได้แจ้งประสงค์ให้ผ่าชันสูตรศพ
อ่านข่าวเพิ่ม หลักฐาน "แอม"จ้างวัยรุ่นทำลายขวดไซยาไนด์ ขยายผลร้านซื้อ
ผู้เสียชีวิตโยงลงทุนกับ "แอม" ตายปริศนา
ส่วนความเกี่ยวข้องการเงินกับแอม ผู้เสียหาย ยอมรับว่า ภรรยาได้ร่วมลงทุนปล่อยเงินกู้ โดยให้แอม เป็นผู้ดำเนินการโดยรับผลแระโยชน์ผ่านดอกเบี้ย ซึ่งได้โอนร่วมลงทุนไป 70,000 โดยตัวเองเป็นธุระแทนภรรยาโอนเงินให้แอม แต่จำได้ว่าไม่ใช่บัญชีส่วนตัวของนางแอม
นอกจากนี้ ตัวเองก็ได้ร่วมลงทุนขายของในแอปโซเชียลแพลตฟอร์มหนึ่งด้วย เป็นเงิน 20,000 บาท ตามที่ตกลงกันไว้ สิ้นเดือน ส.ค.2565 จะต้องได้รับส่วนแบ่งดอกเบี้ยจากการปล่อยเงินกู้งวดแรก แต่เมื่อภรรยาได้เสียชีวิตไป ตัวเองจึงทวงแถมส่วนแบ่งกับนางแอม ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่ทราบเรื่อง และไม่ได้รับเงินโอน 70,000 บาท
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ภาพรวมการสืบสวนสอบสวนทุกกรณี วันนี้ผู้ที่ถูกวางยาแต่รอดชีวิต เข้ามาให้ข้อมูลกับคณะทำงานแล้วอยู่ระหว่างสอบสวนรายละเอียด
ส่วนผู้เสียชีวิตจนถึงขณะนี้ พบว่ามีผู้เสียชีวิตอันต้องสงสัยว่าถูกนางแอมวางยาไซยาไนด์ 11 คน โดยมีเพียงคดีของน.ส.ก้อย ที่อยู่ในความดูแลของกองบังคับการปราบปราม
อ่านข่าวเพิ่ม หาม "แอม" ส่ง รพ.กลางดึก ขอฝากขังคดีวางยาไซยาไนด์
28 เม.ย.นี้ นัดคุยพนักงานสอบสวนทุกคดี
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ขณะที่คดีอื่นๆ ให้ท้องที่ดูแลรับผิดชอบ ในการทำคดี ซึ่งได้กำชับให้ทำงานโดยระเอียดรอบคอบ โดยมีพนักงานสอบสวนจากส่วนกลาง ช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด แต่สำนวนทุกคดี จะเป็นผู้ตรวจทานความสมบูรณ์เรียบ ร้อยทั้งหมด แต่ไม่ใช่การรวมสำนวนคดี เพราะไม่จำเป็นต้องรวมสำนวนคดีกัน
เนื่องจากแต่ละคดีไม่เกี่ยวข้องกัน เพียงแต่มีผู้ต้องสงสัยคนเดียวกันเท่านั้น
โดยในวันที่ 28 เม.ย.นี้ ได้นัดหมายให้พนักงานสอบสวนทุกคดี เข้ามาประชุม รายงานความคืบหน้าพร้อมกัน ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ผู้เสียหายที่ยังไม่ได้แจ้งความด้วยว่า สามารถแจ้งความได้ แม้จะไม่มีศพผู้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวน จะดำเนินการ รับเลขคดี และทำการสืบสวนสอบสวนให้ตามขั้นตอนเหมือนทุกคดี
อ่านข่าวเพิ่ม เปิด 8 ชื่อคาดถูกหญิงฆาตกรรม-จ่อเรียกสอบสามียศ "พ.ต.ท."
กำชับชันสูตรศพ-หลังบางเคสญาติไม่ติดใจ
พร้อมกำชับประเด็นการสืบสวนสอบสวน ให้พนักงานสอบสวน ดูประวัติการป่วยของผู้เสียชีวิตทุกคน ตรวจสอบการได้มาซึ่งไซยาไนด์ของนางแอม สอบสวนพยานผู้เสียหาย ผู้ประสบเหตุและพยานแวดล้อมให้ครบถ้วนสมบูรณ์ โดย เจ้าหน้าที่นิติเวช พิสูจน์หลักฐาน ได้ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ ตรวจเก็บวัตถุพยานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในทุกคดี
คดีนี้ไม่ตัดจบที่นางแอม ทางการสืบสวนสอบสวน จะอยู่บนการตั้งสมมุติฐานว่า มีผู้ให้คำปรึกษาหรือให้การสนับสนุนหรือไม่ ด้านใดบ้าง
ส่วนประเด็นการทำงานของพนักงานสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุกรณีพบคดีการเสียขีวิตแบบผิดธรรมชาติ แล้วไม่ส่งชันสูตรศพ ตามกฎหมายกำหนด ยอมรับว่า ในทางปฏิบัติทำได้ไม่ทั่วถึง เพราะในพื้นที่ห่างไกล ไม่มีแพทย์นิติเวช พนักงานสอบสวนจึงยึดความประสงค์ของญาติว่าติดใจหรือไม่ ประสงค์ส่งศพผ่าชันสูตรหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะพบว่ากรณีหัวใจล้มเหลว หัวใจวาย ครอบครัวผู้สูญเสียมักไม่ติดใจ ไม่ประสงค์ให้ผ่าชันสูตร
แต่ในอนาคตจะกำชับให้พนักงานสอบสวนทุกพื้นที่ เคร่งครัดในการปฎิบัติในการส่งศพผ่าชันสูตร ทุกกรณีที่พบว่า เป็นการเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
วิเคราะห์คดีวางยาไซยาไนด์ กับพฤติการณ์ "ฆาตกรต่อเนื่อง"
ตำรวจกองปราบคุมตัว “แอม” ขอศาลอาญาฝากขังครั้งแรก
“บิ๊กโจ๊ก” เผยรอดหวุดหวิด 1 คนเหตุวางยาไซยาไนด์ เป็นพยานสำคัญ