วันนี้ (4 มี.ค.2568) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ผบช.สอท. เปิดเผยความคืบหน้าการสอบปากคำผู้ต้องหาชาวไทยที่ถูกจับกุมในปอยเปตจำนวน 93 คน ว่า เบื้องต้นตำรวจได้สอบปากคำผู้ต้องหาหญิงไปแล้วประมาณ 20 ปาก โดยทั้ง 20 คนให้การรับสารภาพ และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปในทิศทางเดียวกัน ว่า สถานที่ตึกพลูตาสวนเป็นที่ทำการขบวนการคอลเซนเตอร์จริง และมีการหลอกลวงหลายรูปแบบ
นอกจากนั้น ยังพบข้อมูลเพิ่มว่ามีการหลอกลวงลักษณะข่มขู่ หลอกให้รักและลงทุนอีกด้วย ซึ่งคำให้การสอดคล้องกับข้อกล่าวหาของผู้เสียหายที่อยู่ในระบบไทยโปลิสออนไลน์ และยังสอดคล้องกับผลการสอบสวนของทางการกัมพูชาที่พบว่าคนเหล่านี้สมัครใจไปทำงานส่งมาให้กับทางการไทย โดยทางตำรวจจะทำการตรวจพิสูจน์โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ติดตัวกับผู้ต้องหามาด้วย
ส่วนมาตรการการคัดกรองว่าเป็นผู้ต้องหา หรือผู้เสียหาย จะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานในพื้นที่ โดยมีกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นหน่วยงานหลัก ส่วนตำรวจ สอท.จะสืบสวนเฉพาะคดีอาญาจนนำไปสู่การได้พยานหลักฐานและออกหมายจับ ซึ่งข้อหาที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ จะต้องเป็นกลุ่มคนอย่างน้อย 3 คนขึ้นไป และจะต้องเป็นความผิดตั้งแต่ 2 รัฐขึ้นไป ซึ่งกรณีนี้มีคนไทย 100 คน อีกทั้งยังพบการกระทำความผิดในประเทศกัมพูชาและประเทศไทย ซึ่งนอกจากข้อหาองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติแล้ว ยังมีข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, อั้งยี้ซ่องโจร และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ

ส่วนแผนภูมิขององค์กรนี้ เบื้องต้นตำรวจสามารถออกหมายจับชาวจีนได้ 2 คน ที่เชื่อว่าเป็นระดับหัวหน้าสั่งการ เพราะคนไทย 119 คนเป็นเพียงพนักงาน ไม่ได้มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารงาน
การสืบสวนพบว่ามีระดับผู้บริหารจำนวน 20 คน ที่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบทางเส้นการเงินที่พบว่าเมื่อได้เงินจากการหลอกผู้เสียหายแล้วจะโอนไปซื้อเงินสกุลดิจิทัล และนำออกนอกประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยไปแล้ว และวันนี้ได้หารือกับทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. โดยเฉพาะแนวทางสืบสวนว่าเส้นทางการเงินของสกุลดิจิทัลว่ามีปลายทางไปอยู่ที่ใด
นอกจากนี้ ตำรวจยังพบว่า 15 คนไทยที่ยังไม่ถูกออกหมายจับ ผลการคัดกรองไม่ได้ระบุว่าเป็นผู้เสียหาย แต่สมัครใจไปทำงานเว็บพนัน จึงยังไม่เข้าข่ายความผิดเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ส่วนจะมีความผิดที่เกี่ยวพันกับขบวนการคอลเซนเตอร์อีก 100 คนหรือไม่ อยู่ระหว่างการขยายผล
แต่เบื้องต้นพบว่ามีความผิดเข้า-ออกประเทศโดยผิดกฎหมาย ซึ่งตำรวจ ตม.ได้มีการเปรียบเทียบปรับไปแล้ว ส่วน 2 คนที่เป็นเยาวชนเข้าข่ายความผิดร่วมในขบวนการคอลเซนเตอร์นี้ จะมีรูปแบบมาตรการดำเนินคดีอีกแบบหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา
สำหรับการสอบปากคำ คาดว่าอย่างช้าสุดจะเสร็จสิ้นในวันที่ 5 มี.ค.2568 และอาจมีความชัดเจนของกลุ่มคนที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี โดยพรุ่งนี้ (5 มี.ค.2568) ช่วงเวลา 09.30 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ จะแถลงข่าวอีกครั้ง
อ่านข่าว : คุม 93 คนแก๊งคอลเซนเตอร์สอบฟัน 4 ข้อหา ฝากขัง 5 มี.ค.