ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

วาเลนไทน์ต้องใส่ใจ! วิธีเลือกดอกไม้ให้คนแพ้เกสรที่ไม่เสี่ยงอันตราย

ไลฟ์สไตล์
7 ก.พ. 68
10:00
37
Logo Thai PBS
วาเลนไทน์ต้องใส่ใจ! วิธีเลือกดอกไม้ให้คนแพ้เกสรที่ไม่เสี่ยงอันตราย
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ดอกไม้สื่อรักอาจกลายเป็นภัยเงียบสำหรับผู้ที่แพ้เกสร อาการแพ้มีตั้งแต่จาม น้ำมูกไหล จนถึงภาวะช็อกเฉียบพลันที่อันตรายถึงชีวิต หากคนรักของคุณมีอาการแพ้ อย่าลืมเลือกดอกไม้ที่ปลอดภัย เพื่อให้วันพิเศษเต็มไปด้วยความสุข ไม่ใช่ความทุกข์จากเสียง ฮัดชิ้วววว

เมื่อพูดถึงวันวาเลนไทน์ หลายคนนึกถึงช่อดอกไม้สวย ๆ ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก แต่รู้หรือไม่ว่าดอกไม้ที่โรแมนติกเหล่านี้อาจกลายเป็นฝันร้ายสำหรับบางคน เพราะ "เกสรดอกไม้" อาจทำให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง

อาการแพ้เกสรดอกไม้ (Pollen Allergy) หรือที่เรียกว่า "ไข้ละอองฟาง" (Hay Fever) เป็นอาการแพ้ที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในช่วงฤดูที่ดอกไม้บาน หากกำลังคิดจะซื้อดอกไม้ให้คนรัก อย่าลืมถามก่อนว่าหวานใจของคุณแพ้เกสรดอกไม้หรือไม่ เพราะอาการแพ้สามารถรุนแรงได้ถึงขั้นช็อกเฉียบพลัน (Anaphylaxis) ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

สังเกตอาการแพ้เกสรดอกไม้

อาการแพ้เกสรดอกไม้มีตั้งแต่อ่อน ๆ ไปจนถึงรุนแรง โดยสามารถแบ่งเป็นอาการที่เกี่ยวกับ ระบบทางเดินหายใจ ผิวหนัง และระบบภายในร่างกาย ซึ่งแต่ละคนอาจมีอาการไม่เหมือนกัน

อาการทั่วไปเป็นอาการที่พบบ่อย มักเกิดขึ้นเมื่อได้รับเกสรดอกไม้ในปริมาณมาก

  • จามบ่อย หากคุณเริ่มจามถี่ ๆ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใกล้ดอกไม้หรือออกไปข้างนอกในช่วงที่เกสรฟุ้งกระจาย อาจเป็นสัญญาณของการแพ้
  • น้ำมูกไหล คัดจมูก อาการคล้ายเป็นหวัด แต่ไม่มีไข้ น้ำมูกอาจใสและไหลตลอดวัน
  • คันตา ตาแดง น้ำตาไหล เกสรที่ลอยอยู่ในอากาศสามารถระคายเคืองดวงตาได้
  • ไอแห้ง เจ็บคอ การสูดเกสรเข้าไป ทำให้เกิดอาการระคายเคืองในลำคอ ทำให้ไอแห้ง หรือรู้สึกเจ็บคอเหมือนเป็นหวัด
  • คันจมูก คันคอ เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อเกสรที่เข้าสู่ร่างกาย

อาการรุนแรงที่ต้องระวัง หากมีอาการเหล่านี้ อาจหมายถึงเกิดการแพ้เกสรดอกไม้ในระดับรุนแรง ควรรีบพบแพทย์ทันที

  • หายใจติดขัด แน่นหน้าอก บางคนอาจมีอาการหอบหืดกำเริบเมื่อต้องสัมผัสกับเกสรดอกไม้
  • ผื่นขึ้นตามร่างกาย คันตามตัว เกิดผื่นแดงหรือลมพิษจากการสัมผัสเกสรดอกไม้
  • หน้าบวม ริมฝีปากบวม เป็นสัญญาณของอาการแพ้ที่รุนแรง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะช็อกเฉียบพลัน
  • หัวใจเต้นเร็ว เวียนศีรษะ เป็นลม เกิดจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่รุนแรง
  • อาการช็อกเฉียบพลัน (Anaphylaxis) เป็นภาวะฉุกเฉินที่อาจทำให้เสียชีวิต หากไม่ได้รับการรักษาทันที

รู้ได้อย่างไรว่าตัวเองแพ้เกสรดอกไม้ ?

  • สังเกตอาการตัวเอง

ลองจดบันทึกว่าอาการแพ้เกิดขึ้นเมื่อใด และอยู่ในบริเวณที่มีดอกไม้ชนิดใด ส่วนใหญ่ผู้ที่มีอาการแพ้ อาการมักแย่ลงในช่วงฤดูที่ดอกไม้บาน เช่น ฤดูใบไม้ผลิ หรือฤดูร้อน

  • ไปพบแพทย์เพื่อตรวจภูมิแพ้

การทำ "Skin Prick Test" คือการทดสอบโดยการหยดสารก่อภูมิแพ้ลงบนผิวหนัง แล้วใช้เข็มสะกิดดูปฏิกิริยาของร่างกาย และยังมีการทำ "RAST Test" (การตรวจเลือด) จะช่วยระบุได้ว่าแพ้เกสรจากดอกไม้ชนิดใด

  • ใช้แอปพลิเคชันตรวจคุณภาพอากาศ

แอปพลิเคชัน Pollen.com หรือ Plume Labs สามารถช่วยระบุว่าบริเวณที่คุณอยู่มีเกสรดอกไม้ชนิดใดฟุ้งกระจายมากที่สุด

เทคนิคเลือก "ดอกไม้" สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้

เมื่อเลือกดอกไม้ให้คนที่เป็นภูมิแพ้ สิ่งสำคัญคือต้องเลือกดอกไม้ที่มีเกสรอยู่ด้านในหรือลักษณะของเกสรไม่ฟุ้งกระจายในอากาศ ดอกไม้บางชนิด เช่น กุหลาบ กล้วยไม้ และทิวลิป มีโครงสร้างเกสรที่อยู่ภายในกลีบดอก ทำให้ละอองเกสรไม่ฟุ้งกระจายออกมา จะช่วยลดโอกาสที่ผู้รับจะสูดเกสรเข้าไปและเกิดอาการแพ้

นอกจากนี้ ดอกไม้ที่ผ่านการเพาะพันธุ์เพื่อให้เกสรน้อยลง เช่น ดอกลิลลี่พันธุ์ไร้เกสร (Pollen-Free Lilies) ก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้

อีกปัจจัยสำคัญในการเลือกดอกไม้คือ กระบวนการผสมเกสร ดอกไม้ที่อาศัยการผสมเกสรโดยแมลง (Insect-Pollinated Flowers) เช่น ผึ้งหรือผีเสื้อ มักมีเกสรที่เหนียวและติดอยู่กับตัวแมลง ทำให้ละอองเกสรไม่ฟุ้งกระจายในอากาศ ซึ่งแตกต่างจากดอกไม้ที่อาศัยลมในการผสมเกสร (Wind-Pollinated Flowers) เช่น ดอกเดซี่ ดอกทานตะวัน และดอกไม้ตระกูลหญ้า ที่ปล่อยละอองเกสรออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อให้ลมพัดพาไปผสมพันธุ์กับต้นอื่น ๆ ดอกไม้ประเภทหลังนี้จึงมีโอกาสทำให้เกิดอาการแพ้ได้สูงกว่า

หากต้องการให้ของขวัญที่ปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่ออาการแพ้ อาจพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น ดอกไม้ประดิษฐ์ ดอกไม้แห้ง หรือการจัดดอกไม้ในโหลแก้วปิด ซึ่งยังคงความสวยงามและโรแมนติกโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ หรือหากต้องการให้ดอกไม้สดจริง ๆ การเลือกพันธุ์ดอกไม้ที่ไม่มีเกสรฟุ้งกระจาย พร้อมกับแจ้งให้ร้านดอกไม้กำจัดเกสรออกก่อนมอบให้ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ผู้รับสามารถชื่นชมความงามของดอกไม้ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภูมิแพ้

เช็กชื่อ! ดอกไม้ชนิดไหนก่อให้เกิดอาการแพ้มากที่สุด

ดอกไม้ที่แพ้กันเยอะ

  • ดอกเดซี่ (Daisy) – มีเกสรจำนวนมากและสามารถปลิวไปในอากาศได้ง่าย
  • ดอกทานตะวัน (Sunflower) – เกสรฟุ้งกระจายสูง ทำให้เกิดอาการแพ้ได้บ่อย
  • ดอกลิลลี่ (Lily) – มีกลิ่นแรงและเกสรฟุ้งง่าย
  • ดอกเบญจมาศ (Chrysanthemum) – เป็นดอกไม้ที่มักทำให้เกิดอาการแพ้ในหลายคน
  • ดอกลาเวนเดอร์ (Lavender) – แม้มีกลิ่นหอม แต่บางคนอาจแพ้เกสรของมัน
  • ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea) – มีเกสรที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้

ดอกไม้ที่ค่อนข้างปลอดภัย

  • ดอกกุหลาบ (Rose) – มีเกสรอยู่ด้านใน ไม่ฟุ้งกระจาย
  • ดอกกล้วยไม้ (Orchid) – ไม่ค่อยมีเกสรฟุ้งออกมาในอากาศ
  • ดอกทิวลิป (Tulip) – เป็นดอกไม้ที่มีโอกาสทำให้แพ้น้อย
  • ดอกดาเลีย (Dahlia) – เกสรไม่ค่อยฟุ้งกระจาย
  • ดอกไอริส (Iris) – มีเกสรน้อยเมื่อเทียบกับดอกไม้อื่น

How To บรรเทาอาการแพ้เกสรดอกไม้

  1. ใช้ยาแก้แพ้ (Antihistamines) เช่น Loratadine, Cetirizine, Fexofenadine สามารถช่วยลดอาการแพ้ได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
  2. สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละออง ลดการสูดเกสรเข้าไป
  3. ล้างหน้า ล้างจมูกบ่อย ๆ ด้วยน้ำเกลือช่วยชะล้างเกสรที่ติดอยู่ในโพรงจมูกได้
  4. ใช้เครื่องฟอกอากาศที่มี HEPA filter จะช่วยดักจับเกสรในบ้านได้
  5. เลี่ยงการออกไปข้างนอกช่วงเช้า เพราะเป็นเวลาที่เกสรฟุ้งกระจายมากที่สุด โดยเฉพาะในวันที่อากาศแห้งและมีลมแรง

WHO ชี้ 400 ล้านคน แพ้เกสรดอกไม้

องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่ามีประชากรกว่า 400 ล้านคนทั่วโลกที่เป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) ซึ่งมักเกิดจากเกสรดอกไม้ โดยเฉพาะในประเทศที่มีฤดูกาลดอกไม้บานชัดเจน เช่น สหรัฐอเมริกา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) รายงานว่าประมาณร้อยละ 10-30 ของประชากรสหรัฐฯ มีอาการแพ้เกสรดอกไม้ ขณะที่ในยุโรป รายงานจาก European Academy of Allergy and Clinical Immunology (EAACI) ระบุว่ามากกว่าร้อยละ 40 ของชาวยุโรปแพ้ละอองเกสร

ส่วนในประเทศไทย กรมการแพทย์เผยว่า คนไทยกว่าร้อยละ 20 มีอาการแพ้จากเกสรดอกไม้ และแนวโน้มของอาการแพ้เหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นจากปัจจัยแวดล้อม เช่น ฝุ่นละอองและมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ

แม้ว่าการแพ้เกสรดอกไม้ส่วนใหญ่จะทำให้เกิดอาการไม่รุนแรง เช่น คัดจมูก จาม หรือคันตา แต่ในบางกรณีอาจนำไปสู่ภาวะร้ายแรงอย่าง Anaphylaxis ซึ่งเป็นอาการแพ้อย่างเฉียบพลันและอาจทำให้เสียชีวิตได้ แม้จะพบได้น้อยแต่ก็มีรายงานผู้เสียชีวิตจากภาวะนี้

ในปี 2562 หญิงวัย 32 ปีในสหรัฐฯ เสียชีวิตหลังเกิดอาการ Anaphylaxis ขณะเดินผ่านทุ่งดอกไม้ เนื่องจากไม่ได้รับการฉีด Epinephrine ซึ่งเป็นยาแก้แพ้แบบฉีดสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรง) ทันเวลา อีกกรณีหนึ่งในอังกฤษ เด็กชายอายุ 9 ปีแพ้ละอองเกสรของต้นเบิร์ช (Birch Tree Pollen) จนเกิดอาการช็อกและต้องเข้ารักษาในห้อง ICU

กรณีเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการเตรียมพร้อม หากรู้ตัวว่าแพ้รุนแรงควรพก Epinephrine Auto-Injector (EpiPen) ติดตัวเสมอเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน ซึ่งต้องได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน

ดังนั้น หากต้องการมอบดอกไม้ให้คนที่เป็นภูมิแพ้ ควรเลือกดอกไม้ที่มีเกสรไม่ฟุ้งกระจายและหลีกเลี่ยงดอกไม้ที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้มาก การเลือกของขวัญที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ทำให้ผู้รับรู้สึกดี แต่ยังช่วยให้พวกเขาปลอดภัยจากอาการแพ้ที่อาจรบกวนสุขภาพได้อีกด้วย

ความรักที่ดีควรมาพร้อมกับความใส่ใจ

ที่มา : World Health Organization (WHO), Centers for Disease Control and Prevention (CDC),
European Academy of Allergy and Clinical Immunology (EAACI), กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขไทย, American College of Allergy, Asthma, and Immunology (ACAAI)

อ่านข่าวอื่น : 

ระวังสุขภาพใจ! วาเลนไทน์ ความรักอาจนำไปสู่ "โรคหัวใจสลาย"

ทำไมต้องมี ทำไมต้องถือ ? เจาะลึกกฎ Must Have, Must Carry

ข่าวที่เกี่ยวข้อง