ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

15 ก.พ.สรุปแนวทาง "มะเร็งรักษาทุกที่" ย้ำวันนี้ รพ.ยังใช้เกณฑ์เดิม

สังคม
5 ก.พ. 68
18:49
199
Logo Thai PBS
15 ก.พ.สรุปแนวทาง "มะเร็งรักษาทุกที่" ย้ำวันนี้ รพ.ยังใช้เกณฑ์เดิม
ประธานคณะทำงานฯ มะเร็งรักษาทุกที่ ย้ำ รพ.ใช้หลักเกณฑ์มะเร็งรักษาทุกที่ฉบับเดิม ปี 2566-2567 ไม่ต้องใช้ใบส่งตัวเพื่อเรียกเก็บค่าใช้จ่าย พร้อมเผย 15 ก.พ.นี้ เตรียมประชุมสรุปก่อนเสนอ สปสช.ยกเลิกประกาศหลักเกณฑ์ฯ ฉบับใหม่ ที่จะบังคับใช้ 1 เม.ย.นี้

วันนี้ (5 ก.พ.2568) ผศ.นพ.สนั่น วิสุทธิศักดิ์ชัย ประธานคณะทำงานจัดทำข้อเสนอการจ่ายชดเชยค่าบริการสาธารณสุข กรณีการรักษาโรคมะเร็ง (Cancer Anywhere) ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า นโยบายรักษาโรคมะเร็งในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) หรือโครงการมะเร็งรักษาทุกที่ มีเป้าหมายสำคัญเพื่อให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งได้รับการรักษาที่เหมาะสมตามแนวทางเวชปฏิบัติที่จัดทำโดยราชวิทยาลัยครอบคลุมทุกโรคมะเร็ง และได้รับการรักษาทันเวลา โดยมีระบบการส่งต่อข้อมูลทางการแพทย์ที่ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูล มีระบบการคัดกรองและประสานส่งต่อโดยทีมพยาบาล

ทั้งนี้ คณะทำงานฯ จะมีการประชุมร่วมกันในวันที่ 15 ก.พ.2568 เพื่อสรุปประเด็นและแนวทางเสนอต่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พิจารณาดำเนินการ คือ ขอให้ สปสช.ดำเนินการจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกิดจากโครงการมะเร็งรักษาทุกที่ ตามประกาศหลักเกณฑ์ฉบับเดิมของสำนักงานฯ ที่ใช้ในปีงบประมาณ 2566-2567 และยังใช้อยู่ในขณะนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้จะทำให้หนังสือรับรองสิทธิเพื่อรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของหน่วยบริการประจำ หรือใบส่งตัวไม่มีความจำเป็น เพราะ สปสช.จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายผู้ป่วยมะเร็งที่ส่งต่อทุกคนอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม นอกจากใบส่งตัวเพื่อรับรองสิทธิค่ารักษาแล้ว ยังมีเรื่องของการส่งข้อมูลทางการแพทย์ เพื่อยืนยันการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ป่วยมะเร็งและสามารถใช้สิทธิตามโครงการ ตรงนี้ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องให้หน่วยบริการประจำแจ้งต่อโรงพยาบาลรับส่งต่อ

ส่วนกรณีที่เป็นการส่งต่อด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้น ระบบของหน่วยบริการและโรงพยาบาลรับส่งต่อยังไม่เป็นระบบเดียวกันทั้งหมด จึงไม่ใช่ทุกแห่งที่จะสามารถส่งหรือรับข้อมูลผู้ป่วยได้เหมือนกัน ดังนั้นการใช้ใบส่งตัวที่เป็นกระดาษจึงยังมีความจำเป็นอยู่ในบางคน

ใบส่งตัวเพื่อให้ข้อมูลทางการแพทย์ที่เป็นกระดาษจึงมีความจำเป็นอยู่ในกรณีที่ไม่สามารถส่งและรับข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ได้

สำหรับในส่วนของประกาศฉบับใหม่ฯ ที่ สปสช.ได้ชะลอบังคับใช้ให้มีผลในวันที่ 1 เม.ย.2568 นั้น ผศ.นพ.สนั่น กล่าวว่า อยากให้ สปสช.ยกเลิกประกาศฉบับดังกล่าวเพื่อทำให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่รับส่งต่อมีความชัดเจน เพราะวันนี้ยังอยู่ในช่วงของการผ่อนผัน ทำให้ยังมีข้อสงสัยว่าเมื่อถึงวันที่ 1 เม.ย.2568 จะปฏิบัติอย่างไร

ทางคณะทำงานฯ จะสรุปประเด็นนี้ให้จบในเดือน ก.พ. เพื่อให้ สปสช. นำไปพิจารณาและตัดสินเพื่อให้เกิดความชัดเจน ซึ่งหากกลับไปใช้หลักเกณฑ์ฯ ปี 2566-2567 ที่ สปสช.เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ใบส่งตัวในเรื่องค่าใช้จ่ายก็ไม่มีความจำเป็นอย่างที่กล่าวมาแล้ว

ต้องหาวิธีการแก้ปัญหาต่อไป โดยพัฒนาศักยภาพด้านความสามารถรักษาโรคมะเร็งให้กับ รพ.สังกัดต่าง ๆ มาช่วยรองรับเพื่อกระจายผู้ป่วยออกไปไม่ให้เกิดการกระจุกตัว ณ โรงพยาบาลใดโรงพยาบาลหนึ่งจนเกินศักยภาพด้านปริมาณ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานสังกัดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ผศ.นพ.สนั่น กล่าวว่า ส่วนประเด็นการรักษาโรคแทรกหรือโรคที่ไม่เกี่ยวกับมะเร็งนั้น ตามประกาศเดิมปี 2566-2567 สปสช.จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดหากมีการรักษามะเร็งในครั้งนั้นร่วมด้วย ส่งผลให้เกิดปัญหาเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าที่ควรเป็นนั้น เรื่องนี้คงต้องมาคุยในรายละเอียด ซึ่งปัญหาโรคแทรกมี 2 กรณี คือกรณีที่ส่งไปรักษาที่หน่วยบริการประจำไม่ได้ จะต้องรักษาที่โรงพยาบาลรับส่งต่อ และกรณีที่หน่วยบริการมีศักยภาพดูแลได้

แต่ปัญหาคือหน่วยบริการประจำมีศักยภาพบริการไม่เท่ากัน และโรงพยาบาลรับส่งต่อก็ไม่รู้ศักยภาพของหน่วยบริการประจำเหล่านี้ ทำให้เกิดข้อติดขัด ตรงนี้คงต้องมาดูในรายละเอียดเพิ่มเติม

ในวันที่ 15 ก.พ.นี้ ทางคณะทำงานฯ จะสรุปประเด็นข้อเสนอต่อ สปสช. เพื่อนำไปพิจารณาว่าประเด็นที่เสนอสอดคล้องกับพระราชบัญญัติฯ กฎหมาย ข้อบังคับ มติบอร์ด สปสช. และประกาศหลักเกณฑ์หรือไม่ เพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่สามารถดำเนินการได้

ทั้งนี้ สปสช.รายงานเพิ่มเติมว่า นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช.ได้รับทราบข้อเสนอเบื้องต้นดังกล่าวแล้ว และได้ลงนามคำสั่งยกเลิกประกาศหลักเกณฑ์มะเร็งรักษาทุกที่ฉบับใหม่ ที่จะบังคับใช้ 1 เม.ย.2568 แล้ว ซึ่งจะมีผลทำให้กลับไปประกาศหลักเกณฑ์ฯ ฉบับเดิม ปี 2566-2567

ข่าวที่เกี่ยวข้อง