วันนี้ (31 ม.ค.2568) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมได้เพิ่มมาตรการป้องกันนิติบุคคลผี หลอกลวงประชาชน โดยได้ยกร่างคำสั่งนายทะเบียนกลาง เพื่อเรียกเอกสารเพิ่มเติมกรณีที่มาจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลใหม่หรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งสำนักงาน ที่จะแสดงให้เห็นว่าเจ้าของที่ตั้ง ยินยอมให้ใช้เป็นสำนักงานนิติบุคคล เช่น สัญญาเช่า หรือหนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่จากเจ้าบ้าน
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
โดยจะเร่งเปิดประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นเรื่องดังกล่าวตามกระบวนการยกร่างกฎหมาย เพื่อผู้มีส่วนได้เสียแจ้งความเห็นผลดีผลกระทบต่อร่างคำสั่งดังกล่าว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับการตรวจเช็กสถานที่ตั้งสำนักงานนิติบุคคล จะจัดทำระบบให้ประชาชนตรวจเช็กว่าบ้านหรือที่อยู่ของตนมีการนำไปใช้เป็นที่ตั้งของนิติบุคคลหรือไม่ คาดว่าจะเสร็จใน 2 สัปดาห์ หรือเร็วกว่านี้
หากประชาชนพบว่ามีการนำที่อยู่ไปใช้โดยไม่ได้ให้ความยินยอม สามารถแจ้งมายังกรม สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรืออีเมล cgbusiness@dbd.go.th (เฉพาะกรุงเทพฯ) หรือสายด่วน 1570 เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีที่ตั้งจริง ส่งเรื่องให้ตำรวจดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จด้วย
นอกจากนี้ จะร่วมมือกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ตรวจสอบสถานที่ตั้งนิติบุคคลตามที่ผู้ขอจดทะเบียนได้แจ้งไว้และปักหมุดพร้อมแสดงภาพถ่ายในลักษณะแผนที่ Google Map เพื่อให้ตรวจสอบที่ตั้งบริษัทและเห็นภาพจริง หรือหากมีการตรวจสอบพบว่านิติบุคคล มีที่ตั้งไม่ตรงกับที่แจ้งจดทะเบียน จะระบุหมายเหตุในหน้าหนังสือรับรองว่า ไม่มีสถานที่ตั้งจริง
เพื่อแจ้งเตือนให้ผู้ที่ต้องการจะทำธุรกิจด้วย ต้องพึงระมัดระวัง และส่งเรื่องดำเนินคดีตามกฎหมาย มีโทษปรับ ไม่เกิน 20,000 บาท และยังอาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรมได้ตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยมีนายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นหัวหน้าทีม ที่จะเข้ามากำกับดูแล และขับเคลื่อนการใช้มาตรการ เพื่อให้สำเร็จโดยเร็ว เพื่อให้การดูแลประชาชน และป้องกันและกำจัดนิติบุคคลผี ที่จะเข้ามาหลอกลวงประชาชนให้หมดไป
ขณะเดียวกัน จะเข้มงวดการมายื่นจดทะเบียนของบุคคล ที่มีรายชื่อในบัญชี HR-03 ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หากมายื่นจดทะเบียนนิติบุคคล หรือแจ้งชื่อเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนหรือกรรมการบริษัท จะเรียกมาแสดงตน หากไม่มาก็จะไม่จดทะเบียนให้ และยังจะส่งข้อมูลต่อให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) เพื่อติดตามขยายผล
ส่วนกรณีที่มีนิติบุคคล ใช้ที่อยู่เดียวในการจัดตั้งหลาย ๆ บริษัท สามารถทำได้ เนื่องจากไม่ได้มีข้อห้ามตามกฎหมาย แต่กรมอยู่ระหว่างพัฒนาระบบวิเคราะห์พฤติกรรมนิติบุคคล หรือ Intelligence Business Analytic System (IBAS) ซึ่งจะใช้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยแจ้งเตือนประชาชนทั่วไปให้ทราบ หากจะทำธุรกรรมกับนิติบุคคลที่ใช้ที่ตั้งเดียวกันกับนิติบุคคลอีกหลายรายดังกล่าว เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น โดยตั้งเป้าให้สามารถใช้งานได้ภายในกลางปีนี้
อ่านข่าว:
“มะม่วงขายตึก – มะม่วงแรด” สินค้า GI น้องใหม่เมืองแปดริ้ว
จี้รัฐเร่งพัฒนาพันธุ์ข้าว หลังชาวนาโอดข้าวเจ้าราคาร่วง
ศูนย์วิเคราะห์ทิสโก้ ชี้เฟดคงดอกเบี้ยถึงกลางปี ดันบอนด์ยิลด์ทรงตัวสูงสุดรอบ 17 ปี