วันนี้ (21 พ.ย.2567) นายสนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนอาวุโส พร้อม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สื่อมวลชน และ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกสภาทนายความฯ เพื่อให้สอบพฤติกรรมของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม และนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ว่าทำผิดมรรยาททนายความหรือไม่
สนธิ ลิ้มทองกุล , ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
นายสนธิ เปิดเผยว่า วันนี้ ตัวเองเดินทางมาที่สภาทนายความใน 2 เรื่อง เรื่องแรก คือมากล่าวโทษกล่าวหาการกระทำของนายษิทรา ว่า เข้าข่ายผิดจรรยาบรรณของทนายความหรือไม่ และขอให้คณะกรรมการมรรยาททนายความพิจารณาดำเนินการ พักใบอนุญาตทนายความหรือถอดถอนใบอนุญาตทนายความ
ส่วนเรื่องที่ 2 คือตัวเองมายื่นหนังสือกล่าวหานายเดชา ว่าทำผิดจรรยาบรรณ เนื่องจากมากล่าวหาตัวเอง ว่าฉ้อโกง โกงเงินธนาคาร เรียกรับเงินจากบริษัทเอกชน โดยไม่มีหลักฐาน ส่วนตัวเชื่อว่าการเข้ายื่นเรื่องในวันนี้ตัวเองจะได้รับความเป็นธรรม
ขณะเดียวกันนายสนธิ ยังระบุว่า ภายในเดือน ธ.ค.นี้ตัวเองจะนำหลักฐานไปยื่นให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของนายษิทราว่ามีการเสียภาษีกรณีการรับเงินจาก น.ส.จตุพร หรือ เจ๊อ้อย ถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ เพราะเงินดังกล่าวเป็นเงินค่าว่าจ้างไม่ใช่การให้โดยเสน่หา ซึ่งขณะนี้ น.ส.จตุพร ได้ทำเอกสารมอบอำนาจทางกฎหมายให้ตัวเอง ดูแลเรื่องคดี และตัดสินใจในการดำเนินคดีทั้งหมด จากการพูดคุยครั้งสุดท้ายยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาและจะเดินหน้าอย่างเต็มที่
ด้านนายปานเทพ เปิดเผยว่า วันนี้ตัวเองเดินทางมาให้ข้อมูล กับสภาทนายความและสื่อมวลชน ในประเด็นเกี่ยวกับพฤติการณ์ของทนายตั้ม ที่มีการทำสัญญาในลักษณะที่เปิดให้มีการปลอมแปลง หรือเปิดให้มีการดัดแปลงเนื้อหาในภายหลังได้
นอกจากนี้ ยังเตรียมยื่นหลักฐาน ให้ตำรวจพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม เกี่ยวกับข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร เนื่องจากพบว่ากลุ่มของทนายตั้ม มีการร่วมกันก่อเหตุมากกว่า 5 คน ซึ่งมีพฤติกรรมเป็นการตั้งกลุ่ม เพื่อฉ้อโกงและกระทำความผิด ตัวเองจึงอยากให้ตำรวจสอบสวนกลางพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
อ่านข่าว :
สอบปากคำเพิ่ม "เจ๊อ้อย" เร่งทำสำนวนคดีทนายตั้มให้อัยการ
ให้ปากคำ 12 ชม ."เจ้อ้อย" ยืนยันดำเนินคดี "ทนายตั้ม" จนถึงที่สุด