กรณีศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันตอนบน จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบซากพะยูนถูกตัดหัวตายลอยขึ้นอืด อยู่บริเวณใกล้ท่าเทียบเรือบ้านบางโรง ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต สร้างความสะเทือนใจอย่างมาก
- ตัดหัว-เอาเขี้ยว "พะยูน" 7 วันพบตายในทะเลภูเก็ต ทช.เร่งแกะรอย
- ทช.ชี้ 24 วัน “พะยูน” ตาย 8 ตัว ผลชันสูตรร่างกายผอมขาดอาหาร
วันนี้ (15 พ.ย.2567) นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า จากการตรวจสอบว่าเป็นพบเป็นพะยูนตัวผู้ อยู่ในช่วงโตเต็มวัย ความยาวลำตัว 2.23 เมตร ไม่รวมส่วนหัว น้ำหนักประมาณ 250 กก. สภาพซากเน่ามาก ความสมบูรณ์ของร่างกายอยู่ในระดับสมบูรณ์ผอม
ผลชันสูตรพบว่าส่วนหัวที่ถูกตัดออกไป ถูกตัดหลังจากพะยูนตายแล้ว เป็นรอยของมีคมตัดโดยรอบส่วนคอ และส่วนหัวหายไป ตัดขาดบริเวณกระดูกสันหลังส่วนคอชิ้นแรก
นอกจากนี้พบว่า พะยูนตัวนี้ มีร่างกายที่ผอม ไม่แข็งแรง ในกระเพาะอาหารพบอาหารน้อยมาก และมีขยะพลาสติก แต่ไม่ใช่สาเหตุการตาย รวมทั้งพบรอยแผลจากพฤติกรรมฝูง มีเพรียงเกาะตามร่างกายอาจจะนอนนิ่ง ๆ มาระยะหนึ่ง พบรอยแผลถลอกโดยรอบร่างกาย และพบรอยรัดบริเวณครีบข้างด้านขวา
ส่วนจะเป็นของมีคมชนิดไหนที่นั้นยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่เป็นรอยที่ถูกตัดหลังจากที่ตายแล้ว
ขณะนี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้มอบหมายให้ทช.และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ประสานงานกันทำงานเรื่องนี้ ซึ่งกรมอุทยานฯ ส่งทีมเหยี่ยวดง ลงพื้นที่ไปประสานกับทางตำรวจ สืบสวนว่ากระบวนการซื้อขายเขี้ยวพะยูนที่ล่าเพื่อค้าหรือไม่
สิ่งที่น่าห่วง คือพะยูนการขาดแคลนอาหาร จากการสูญเสียแหล่งหญ้าทะเล ตอนนี้มีพะยูนอพยพมาที่จ.ภูเก็ต 30 ตัวและใน 3 พื้นที่มีความเสี่ยงจากเรือ เครื่องมือประมง จึงมาตรการคุ้มครอง ควบคุมความเร็วเรือ และให้ท้องถิ่นช่วยในการเฝ้าระวัง
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเชื่อมโยงพะยูนที่ตายในเคสอื่นๆ 10 ตัวหรือไม่ นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า มี 1 ตัวที่ตายจากการถูกเชือกรัด และส่วนใหญ่มีสภาพร่างกายขาดอาการ ไม่แข็งแรง และมี 1 ตัวที่พยายามเลื่อยเขี้ยวแต่ไม่สำเร็จ และตอนนี้ต้องหาคนที่ทำผิดมาให้ได้ เพราะยังเชื่อว่ากลุ่มคนและประมงส่วนใหญ่ยังอนุรักษ์พะยูน
ส่วนตัวไม่เคยเห็น หรือสัมผัสเขี้ยวพะยูนมาก่อน และไม่อยากให้คนมีค่านิยมผิด ๆ หรือแค่หาตัวคนทำผิดมาลงโทษ เพราะโจทย์ใหญ่ต้องการให้เกิดเชิงรุกในการเซฟพะยูนที่เหลืออยู่
เตือนครอบครองเขี้ยวพะยูนผิดกม.โทษสูง
ขณะที่นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า ขณะนี้กรมอุทยานฯ ส่งชุดเหยี่ยวดงลงไปร่วมแกะรอยขบวนการลักลอบล่าพะยูนแล้ว พร้อมทั้งขอความร่วมมือ ผู้ใดพบเห็นหรือมีเบาะแสคนตัดหัวพะยูน สามารถแจ้งข้อมูลทางลับได้ที่หมายเลข 1362 สายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล (มีรางวัลหากจับตัวได้)
รวมทั้งแจ้งเตือนว่าผู้ที่ครอบครองพะยูน ซากชิ้นส่วนของพะยูน ซึ่งเป็นสัตว์น้ำชนิดแรกของประเทศไทย ที่ถูกกำหนดให้เป็นสัตว์ป่าสงวน หากผู้ใดล่าสัตว์ป่าสงวนมีโทษตาม พ.ร.บสงวน พ.ศ.2562 โทษหนักกว่าเดิม
โดยมาตรา 12 ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง มาตรา 89 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 12 ถ้ากระทำต่อสัตว์ป่าสงวน ชากสัตว์ป่าสงวน หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าสงวนจำคุก 3 ปี ถึง 15 ปี หรือปรับตั้งแต่ 300,000 บาท ถึง 1,500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับซากพะยูนตัวนี้ เป็นซากพะยูนตัวที่ 3 ของเดือนพ.ย.นี้
- 3 พ.ย. เป็นซากพะยูนตัวผู้ เกยหาดเกาะสุกร จ.ตรัง ผลพิสูจน์ซาก พบป่วยเรื้อรังจากภาวะขาดอาหารเป็นเวลานาน
- 8 พ.ย. เป็นซากพะยูนตัวเมีย พบใกล้แหลมจมูกควาย ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ เขี้ยวทั้ง 2 ข้างถูกตัดออกหลังพะยูนตาย
- 14 พ.ย.ซากพะยูนตัวผู้ บริเวณใกล้ท่าเทียบเรือบ้านบางโรง ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต