ภาพการดึงสหรัฐฯ และจีนเข้ามาร่วมในวงเจรจาหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชาเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ทำให้หลายคนจับตามองไปที่บทบาทของมหาอำนาจโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ดูเหมือนว่า กัมพูชาจะขยับตัวเข้าหามากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นี่ประจวบเหมาะกับการที่สหรัฐฯ พยายามเข้ามาคานอำนาจจีนในกัมพูชาด้วย
ที่ต้องจับตา คือ การยกระดับความสัมพันธ์ด้านกลาโหม หลังจากกัมพูชาและสหรัฐฯ กำลังมองหาลู่ทางในการจัดการซ้อมรบร่วมประจำปีครั้งใหม่
ต้องยอมรับว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนแผ่ขยายอิทธิพลจนฝังรากลึกในกัมพูชาอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจการค้า การลงทุน การให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ ไปจนถึงด้านกลาโหม แต่ในปีนี้ เนื่องในโอกาสที่กัมพูชาและสหรัฐฯ สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นปีที่ 75 สองประเทศนี้ดูเหมือนจะขยับตัวเข้าหากันมากขึ้น
กองบัญชาการภาคพื้นอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ เผยแพร่ภาพการต้อนรับประธานกลุ่มประสานงานความร่วมมือทางทหารกัมพูชา ซึ่งนำทีมคณะผู้แทนจากกองทัพกัมพูชาเข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ภายในสำนักงานใหญ่กองบัญชาการภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก ที่ Camp Smith ในฮาวาย เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว
โดยสหรัฐฯ เปิดเผยว่า การพบปะพูดคุยดังกล่าวเน้นไปที่การยกระดับความร่วมมือทางทหารผ่านการฝึกซ้อมร่วม การศึกษาของทหาร และภารกิจช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แต่จุดที่เป็นไฮไลต์เด็ดที่ทั่วโลกจับตามองอยู่ที่ความพยายามในการมองหาลู่ทางเพื่อฟื้นการจัดการซ้อมรบร่วม "อังกอร์ เซนติเนล" ระหว่างกัมพูชากับสหรัฐฯ ขึ้นมาอีกครั้ง การซ้อมรบดังกล่าวสำคัญอย่างไร

กัมพูชาและสหรัฐฯ จัดการซ้อมรบร่วม "อังกอร์ เซนติเนล" เป็นครั้งแรกในเดือน ก.ค.2010 และจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพในการสนับสนุนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและรับมือกับภารกิจบรรเทาภัยพิบัติ
แต่รัฐบาลกัมพูชาแจ้งยกเลิกการซ้อมรบในเดือน ม.ค.2017 ทั้งๆ ที่เดิมมีแผนจัดอยู่ก่อนแล้ว โดยไม่ได้ให้เหตุผลอย่างเป็นทางการ ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุแค่ว่า กัมพูชากำลังยุ่งกับเรื่องเตรียมการจัดการเลือกตั้งในปี 2018 แต่นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กัมพูชาก็ไม่ได้จัดการซ้อมรบร่วมกับสหรัฐฯ อีกเลย
จุดนี้สวนทางกับจีน ซึ่งเริ่มจัดการซ้อมรบร่วมกับกัมพูชา Golden Dragon เป็นครั้งแรกในปี 2016 และจัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ยกเว้นช่วงวิกฤตโควิด-19 โดยครั้งล่าสุดจัดขึ้นเมื่อเดือน พ.ค. ซึ่งถือเป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดด้วย
ในช่วงรอยต่อปี 2016 และ 2017 ถือเป็นช่วงที่จีนเดินเกมรุกหนัก-พยายามขยายอิทธิพลเข้ามาในกัมพูชา ซึ่งรวมถึงการยกระดับความร่วมมือด้านกลาโหม โดยที่สร้างความกังวลให้กับสหรัฐฯ อย่างมาก นั่นก็คือ เรื่องการพัฒนาฐานทัพเรือเรียมในจังหวัดพระสีหนุ ทางตอนใต้สุดของประเทศ
คำสั่งของสหรัฐฯ ในการระงับเงินช่วยเหลือกัมพูชาทางการทหารหลังปี 2017 จากกรณีที่กัมพูชาสั่งแบนพรรคฝ่ายค้านหลักและจัดการกับแกนนำพรรค ส่งผลให้กัมพูชายิ่งตีตัวออกห่างจากสหรัฐฯ และหันไปพึ่งเงินสนับสนุนและการลงทุนจากจีนแทน ซึ่งรวมถึงการใช้เงินจีนปรับปรุงและขยายฐานทัพเรือเรียมด้วย
ฐานทัพเรือเรียมอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่เป็นประตูไปสู่ทะเลจีนใต้ หนึ่งในพื้นที่พิพาททางทะเลระหว่างจีนกับหลายชาติในอาเซียนและสหรัฐฯ ที่พยายามเข้ามาแย่งชิงอิทธิพลในภูมิภาคนี้ โดยสหรัฐฯ กังวลว่า กัมพูชาจะเปิดทางให้จีนใช้ฐานทัพเรือแห่งนี้เป็นฐานทัพเรือของตัวเอง

การรุกคืบของกองทัพจีนเข้ามาในอ่าวไทยถูกมองว่า จะส่งผลกระทบต่อการวางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ เพราะว่านอกจากจะเพิ่มแต้มต่อให้จีนในพื้นที่แถบทะเลจีนใต้ ซึ่งจีนอ้างกรรมสิทธิ์ทั้งหมดแล้ว ยังลากยาวขึ้นไปจนถึงไต้หวันอีกด้วย
เมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว สหรัฐฯ ส่งเรือรบ "ยูเอสเอส ซาวานนาห์" เข้าเทียบท่าที่ท่าเรือในสีหนุวิลล์ พร้อมลูกเรือ 103 นาย โดยมีจุดประสงค์เพื่อยกระดับและขยายความสัมพันธ์ รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัมพูชากับสหรัฐฯ ซึ่งนี่ถือเป็นการเยือนกัมพูชาของเรือรบสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016
จริงๆ แล้ว สหรัฐฯ พยายามฟื้นความสัมพันธ์กับกัมพูชาขึ้นมาอีกครั้ง นับตั้งแต่ช่วงปลายรัฐบาลโจ ไบเดนแล้ว หลังจากสหรัฐฯ เปิดหน้า-ขึ้นสังเวียนชกกับจีนหลายยกในหลายภูมิภาค ขณะที่ในรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ 2.0 สังเวียนนี้ก็น่าจะดุเดือดมากยิ่งขึ้น ซึ่งพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เตรียมเดินทางเยือนฐานทัพเรือเรียมในปีนี้ด้วย
จุดที่น่าสนใจอีกจุดหนึ่ง คือ การขยับตัวของสหรัฐฯ ที่พยายามจะปิดล้อมจีน จะไปจุดชนวนให้จีนออกมาเคลื่อนไหวตอบโต้หรือไม่ เรียกได้ว่าการช่วงชิงอิทธิพลในสังเวียนนี้กำลังเข้มข้นขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ
อ่านข่าว :
ทภ.2 พบกัมพูชาเสริมกำลังตลอดแนวชายแดน บินโดรนหลายพื้นที่
ตาควายยังเป็นของไทย "บิ๊กเล็ก" โต้ลักพาตัวทหารเขมร พร้อมส่งตัวคืน