เมื่อ 7 ปีที่แล้ว หาก “สนธิ ลิ้มทองกุล” อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และ “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ไม่พบกันที่ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ขณะที่ต่างฝ่ายถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ภาพสวมกอดระหว่าง “สนธิ-จตุพร” อดีตคนเสื้อเหลือง-แดง ขึ้นเวที “ความจริงมีหนึ่งเดียว” ที่จัดขึ้นหอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อบ่ายวานนี้( 25 พ.ค.) อาจไม่เกิดขึ้น
ถือเป็นการสลัดทิ้งสีเสื้อของคนทั้งคู่ เพื่อหลอมรวม-ท้ารบกับอดีตนายเก่า “ ...ประเทศนี้เป็นของเรา ต้องมีสิทธิ์กำหนดอนาคต ไม่ใช่ให้นายทักษิณคิดคนเดียว แต่ประชาชนสามารถคิดในแผ่นดินนี้ได้เหมือนกัน และสุดท้ายเวลาที่ต้องการความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจมาถึงแล้ว” คำประกาศกร้าวตอนหนึ่งของจตุพร

ในอดีตช้ำหนัก ด้วยจุดยืนทางการเมืองอยู่คนละขั้วตรงกันข้าม เส้นทางชีวิตนักเคลื่อนไหว ดูแล้วทางเดินไม่น่าจะบรรจบกันได้ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน สถาน การณ์ผันแปร การเมืองไทยอะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้เสมอ “จตุพร” ในอดีตเคยประธานแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ถือเป็นแม่ทัพหลักคนสำคัญของคนเสื้อแดง
“ผมผ่านมาหลายเหตุการณ์ มารู้ตัวอีกทีก็อายุ 60 ปี แต่ทันทีที่ผมประกาศรบกับทักษิณ ทุกคนก็กลับมาญาติดีกับผมเหมือนเดิม ทั้งนี้ วันที่นายทักษิณ กลับมาประเทศไทยและยื่นถวายฎีกา ยอมรับว่ากระทำความผิดตามคำพิพาก ษา มองว่า ไม่ใช่ผลพวงการยึดอำนาจหรือตุลาการภิวัฒน์ แต่เขายอมรับว่าทุจริตจริง ไม่ว่าระบอบการเมืองใด ทุจริตคือทุจริต โกงก็คือโกง ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการหรือประชาธิปไตย” จตุพร กล่าวช่วงหนึ่งบนเวที
ก่อนหน้านี้ “จตุพร” เคยขึ้นปราศรัยบนเวทีกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)และยังเข้าร่วมเคลื่อนไหวต่อต้านกาสิโน ร่วมกับกองทัพธรรม และศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ที่ปักหลักอยู่ที่สะพานชมัยมรุเชฐ มานานหลายเดือนแล้ว กับอีกหลายคน ๆ ที่เคยเคลื่อนไหวบนเวทีพันธมิตรในอดีต ก็ได้ก้าวขึ้นบนเวทีนี้เช่นกัน และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ “สนธิ” และ “จตุพร” ได้เปิดใจคุยกันมากขึ้น

“ในช่วงที่ ตู่ จตุพรออกมาเคลื่อนไหวกับกลุ่ม คปท. ก็มีโอกาสได้พบกัน เพราะมีการชักชวนให้ผมออกมานำประชาชน วันนั้นสัมผัสกับจตุพรแล้ว รู้สึกว่า เขาไม่ใช่คนเดิม เขาเป็นคนที่มุ่งมั่น เขาไม่ใช่คนที่จะทำลายนายทักษิณเพียงอย่างเดียว แต่เขาพร้อมที่จะทำงานเพื่อส่วนรวม เขาไม่มีสี” นายสนธิ กล่าว ในช่วงเปิดเวที และย้ำว่า
“ตู่บอกกับผมว่า เขาเจ็บปวดกับการเมืองมามาก เจอของปลอมมามาก ทุกวันนี้ ขอยืนหยัดขึ้นมา เพื่อเปิดโปงของปลอมพวกนี้ให้กับประชาชนทั่วไปให้รับทราบ...พวกเราต้องให้โอกาสนายจตุพร ผมเต็มใจที่จะให้โอกาสเขา การที่เขากล้าขึ้นเวทีนี้ แสดงว่าเขามีความกล้าหาญในใจ ขอให้ทุกคนให้โอกาส ซึ่งวันนี้ผมรับเขาเป็นน้องแล้ว”
ก่อนที่ทั้งสองจะยืนคนละฝั่งการเมือง จตุพร เล่าบนเวทีว่า ในช่วงเหตุการณ์พฤษภาปี 2535 เขาทำหน้าที่เป็นโฆษกเวทีชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน จนกระ ทั่งถูกสลายการชุมนุม ก็ได้ย้ายเวทีไปปักหลักที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ในขณะที่ “สนธิ” ทำสื่อ ด้วยการใช้สื่อพิมพ์ในเครือทำหนังสือแจก เพื่อรายงานให้ประชาชนรับทราบความเคลื่อนไหวในการชุมนุมแต่ละครั้ง

“ด้วยความสัตย์จริงว่า บรรดาหมู่มิตร ก่อนที่เราจะมีเรื่องสีเสื้อเกิดขึ้นกันมานั้น เราอยู่ในเวทีเดียวกับพฤษภา 2535 ทุกคน แต่จังหวะชีวิตผมเนี่ย เนื่องจากว่า ผมนี่ติดตัวมหาจําลอง (พล.ต.จำลอง ศรีเมือง) ไปเข้าพรรคพลังธรรม และไปเอา ทักษิณ เข้ามา ผมก็เลยติดพันกับเขาตรงนั้น เรื่องของเรื่องมีอยู่เท่านี้ หมู่มิตรทั้งหมดไม่เคยมีปัญหาใด ๆ เป็นการส่วนตัว ยังห่วงหากันเสมอ”
หลังจากเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันต่อสู้เพื่อพรรคเพื่อไทยและปกป้องนายใหญ่ “ทักษิณ” แต่ “จตุพร” ในฐานะแกนนำ มีคดีความติดตัวหลายสิบคดี เคยติดคุกหลายครั้ง แต่หลังจากเขาขึ้นเวที “ความจริงมีหนึ่งเดียว” โดยออกมาระบุว่า จะร่วมสู้กับนายสนธิและเพื่อนๆ เพื่อโค่นอดีตนายเก่า ทำให้บรรยากาศการเมืองเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง
ในหอประชุมเล็กมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวานนี้( 25 พ.ค.) ไม่ได้มีเฉพาะแฟนคลับของ “สนธิ” และบ้านพระอาทิตย์ และยังมีคนการเมืองอีกหลายคน ไม่ว่า จะเป็น นิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา “นายประพันธุ์ คูณมี” อดีตสนช. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และอดีตรมว.พลังงาน ฯลฯ เดินทางมาให้กำลังใจด้วย

การเปิดใจบนเวที “ความจริงเพียงหนึ่งเดียว” สนธิ-จตุพร ปิดฉากแล้ว แต่ความเคลื่อนไหวนอกสนามยังไม่จบ ยังมีการเขย่ารอจังหวะการเคลื่อนไหวไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่เพื่อหยั่งกระแสมวลชนอย่างเดียว แต่ถือเป็นการเตรียมพร้อมขุมกำลังเพื่อเปิดฉากรบกับ “ทักษิณ” อย่างเป็นทางการ หลัง 13 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป
ว่าไปแล้ว การตัดสัมพันธ์กับอดีตนายเก่า แม้อาจส่งผลต่อแนวร่วมคนเสื้อแดงที่เคยติดตามจะลดจำนวนลง แต่เฉพาะตัวของ “จตุพร” เองก็มีฐานแฟนคลับไม่น้อย หากดูตัวเลขผู้ติดตามมากกว่า 2 ล้านคนในหน้าเพจเฟซบุ๊ก และยังอาจได้ฐานมวลชนคนเสื้อเหลืองและคปท.เพิ่มอีก
ดังนั้น การสลายสีเสื้อของ สนธิและจตุพร ย่อมส่งผลสะเทือนทางการเมืองไม่น้อยต่อพรรคเพื่อไทยทักษิณและคนเสื้อแดง...จึงน่าจับตายิ่งนัก
อ่านข่าว
ใช้คืนหมื่นล้าน มุมอับพท. จุดชี้ตาย “แพทองธาร” ใช้งบผิดประเภท