วันนี้ (26 พ.ค.2568) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) นำเงินของผู้ประกันตนไปซื้อรถหรูให้ผู้บริหารของกระทรวง ว่าผู้บริหารในกระทรวงแรงงาน ที่สามารถใช้รถหรูของประกันสังคมได้ คือนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) เพราะฉะนั้น จึงมีสิทธิ์ในการใช้รถอยู่แล้วตามระเบียบของประกันสังคม
"ส่วนรถหรู ผมก็ยังไม่ได้ใช้ และยังไม่เคยเห็นว่ารถหรูอยู่ตรงไหน เพราะฉะนั้นจึงถามว่า จากกระแสข่าวว่ามีรถหรู มีรถอะไรบ้าง ตอนนี้มีรถโฟล์ค 2 คัน มีรถ Alphard 2 คัน ซึ่งอยู่ที่ปลัดกระทรวงแรงงาน 1 คัน และเลขาธิการ สปส. 1 คัน ส่วนรถโฟล์คนั้น เป็นรถที่มีเวลาการใช้งานเกิน 5 ปีขึ้นไปแล้ว ซึ่งในอดีตรถโฟล์คหนึ่งคัน ก็เป็นอดีตปลัดกระทรวงแรงงานเอามาใช้ ส่วนอีกคันหนึ่ง อยู่ที่ทางประกันสังคมใช้ จึงไม่ทราบว่ารถหรูที่นำมาให้ผู้บริหารกระทรวงใช้คือรถอะไร แน่นอนตัวผมเองไม่เคยใช้ เพราะผมมีรถส่วนตัวอยู่แล้ว" นายพิพัฒน์ กล่าว
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า รู้สึกกังวลมากกับการที่บอกว่านำรถของหน่วยงานต่างๆ มาใช้ เพราะตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง รมว. แรงงาน ไม่เคยใช้รถของใคร ไม่ว่าจะมาจากกระทรวงแรงงานหรือมาจากหน่วยงานอื่นภายใต้กระทรวงแรงงาน ดังนั้น จึงขอปฏิเสธ แต่โดยอำนาจและหน้าที่ของปลัดกระทรวงแรงงานมีสิทธิ์ใช้และเลขาธิการ สปส. ก็มีสิทธิ์ใช้อยู่แล้ว
ทั้งนี้รถประจำตำแหน่งหรือรถของประกันสังคมที่ใช้งบประมาณจากรัฐบาล เมื่อใช้เสร็จจะมีการบริจาคหรือดำเนินการแบบใด นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละหน่วยงาน และขึ้นอยู่ที่รถของผู้บริหาร เช่น ในบางกระทรวงจะมีรถประจำตำแหน่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง หากใช้งานเกินระยะเวลา 5 ปี ก็จะจัดหารถใหม่ให้ แต่สำหรับผู้บริหารระดับปลัดกระทรวง ตนไม่แน่ใจ หากย้อนไปถึงตอนที่ตนเคยเป็นอดีต รมว.กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ก็ได้รับรถประจำตำแหน่ง ซึ่งในตอนนั้นเป็นรถ Alphard หากมีอายุการใช้งานเกินกำหนด คันต่อไปจะเป็นการเช่ารถใหม่ให้
สำหรับกระทรวงแรงงาน ไม่มีรถของกระทรวง มีแต่รถของประกันสังคมที่เอามาให้ปลัดกระทรวงใช้โดยหน้าที่ ซึ่งมีสิทธิ์จะขอรถจากประกันสังคมมาใช้
นอกจากนี้พิพัฒน์ ยังกล่าวย้ำถึงผลิตปฏิทินประกันสังคมนั้นตนเองไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่เข้าใจว่าการจัดทำปฏิทินประจำปี 2569 จำเป็นต้องดำเนินการต่อไป เนื่องจากมีการวางแผนไว้แล้ว ส่วนผลประชาพิจารณ์ อาจจะต้องนำไปพิจารณาในการผลิตปฏิทิน ปี 2570
ซึ่งผลประชาพิจารณ์ที่ออกมาว่า ผู้ประกันตนกว่า ร้อยละ 60 ไม่ต้องการปฏิทิน แต่อยากให้คิดถึงหัวใจและสิทธิของผู้ประกันตนอีกร้อยละ 30 ที่ต้องการด้วย ซึ่งตนเองไม่อยากยุ่งกับสำนักงานประกันสังคม เพราะไม่มีอำนาจ
อ่านข่าว :
"ประกันสังคม" เดินหน้าผลิตปฏิทินต่อ สวนทางผลประชาพิจารณ์
55 จังหวัด ใครได้บ้าง? สปส.คืนเงินสมทบส่วนต่างสูงสุด 900 บาท