จนต้องแจกแจงเรื่องนี้เมื่อกลับถึงไทย เมื่อเย็นวันอาทิตย์ (25 พ.ค.) ก่อนนั่งเครื่องบินต่อไปประชุมผู้นำอาเซียนที่มาเลเซีย แทนที่จะพูดเรื่องภารกิจในการบุกเบิกตลาดสินค้าไทยและซอฟท์เพาเวอร์ โดยย้ำว่า ไปอังกฤษครั้งนี้ ห่างจากคำว่าไปเที่ยวเยอะมาก เพราะไปทำการตลาด เรื่องเอฟทีเอ และเรื่องสินค้าไทยไปยุโรป
ที่ค้างคาใจผู้คนไม่ใช่เรื่องการแสกผม หรือการปฏิเสธเรื่องโพสต์ภาพให้กำลังใจ “อาปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ยืนยันว่า เป็นภาพเก่า ไม่ใช่เพิ่งเจอกันระหว่างไปอังกฤษล่าสุด แต่อยู่ที่การเดินทางไปครั้งนี้ มีความผิดปกติกว่าทุกครั้ง ที่ระดับนายกฯ บินไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ
ดังที่อดีต สว.ตัวตึง นายสมชาย แสวงการ ออกมาเคลื่อนไหวและวิพากษ์เรื่องนี้ 2 วันติดต่อกันเป็นอย่างน้อย ตั้งปมถึง 10 คำถามว่า ไม่มีนัดหมายพบปะนายกฯ หรือรัฐมนตรีคนใดของอังกฤษ ไม่มีการลงนามทางการค้าใด ๆ แต่ไปทำภารกิจที่เป็นหน้าที่ของระดับรัฐมนตรี และยังไม่มีทีมงานโฆษกรัฐบาล หรือสื่อมวลชน ติดตามเพื่อรายงานข่าวอย่างที่เคยปฏิบัติทุกครั้ง แต่เป็นข่าวแจกที่เขียนโดยกองงานโฆษกรัฐบาล ส่งให้สื่อสำนักต่าง ๆ
รวมทั้งข้ออ้างเป็นภารกิจบุกเบิกตลาดอียูที่อังกฤษ ทั้งที่อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป หรืออียู ตั้งแต่ปี 2559-2560 จึงเป็นสคริปต์ที่อยู่พื้นฐานความรู้มีจำกัด
ไม่ต่างจากเมื่อครั้งเขียนสคริปต์ให้นายกฯ แถลง กรณีน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อเดือนกันยายน 2567 ตอนหนึ่งระบุว่า จ.ลำปาง และลำพูน น้ำจาก จ.เชียงใหม่จะลงไป แต่ไม่ได้ท่วมเยอะ เพราะน้ำเคลื่อนตัวไปลงที่เขื่อนภูมิพล จ.ตาก และแม่น้ำโขงด้วย ทั้งที่ความจริง แม่น้ำปิงจาก จ.เชียงใหม่ ไม่ได้ไหลผ่าน จ.ลำปาง จะไปทาง จ.ลำพูน ไปลงที่เขื่อนภูมิพล ส่วน จ.ลำปาง เป็นน้ำจากแม่น้ำกก ที่มาจาก อ.แม่สาย และ อ.แม่จัน ทั้งไม่ได้ไหลไปออกแม่น้ำโขง
คำถามพื้นฐานคือ เหตุใดไม่เลือกสื่อมวลชนสักค่าย หรือทีวีรวมการเฉพาะกิจไปทำข่าว ซึ่งจะมีความเป็นมืออาชีพ มีความรับผิดชอบ และอาจได้รับการยอมรับมากกว่า หากจะอ้างลดค่าใช้จ่าย ก็น่าจะตัดทีมงานรอบข้างที่ติดตามไปออกสักคน คงไม่เป็นไร
เรื่องงบหลวงหรือใช้เงินของรัฐ ได้เพิ่มดีกรีความเดือด หลังจากระดับ “บิ๊ก” เบอร์ 2 ในรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ที่ระบุว่าเป็นเรื่องดรามาในสื่อโซเชียลโดยไม่ต้องรับผิดชอบ บอกการไปต่างประเทศทุกครั้งของนายกฯ หรือรัฐมนตรีคนใด ไม่จำเป็นจะต้องบอกรายละเอียดทั้งหมด และอ้างว่า วิญญูชนน่าจะทราบดีว่า นายกรัฐมนตรีมีเงินส่วนตัวมากมาย ไม่จำเป็นต้องมาเบียดบังเงินของหลวง
เข้าทำนอง นายกฯ รวยอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้เงินรัฐ ทั้งที่ระดับนายภูมิธรรมย่อมรู้ดีว่า คำพูดดังกล่าวจะมีนัย “รวยแล้วไม่โกง” ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป
จึงโดนนักวิชาการ ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) วิพากษ์กลับว่า เป็นตอบโต้และใช้กลยุทธ์เบี่ยงเบน 3 แนวทาง คือ โจมตีผู้วิจารณ์ว่า ขาดความรับผิดชอบในสื่อสังคม อ้างความลับทางการทูตที่ไม่อาจเปิดเผยได้ และอ้างความมั่งคั่งของนายกฯ ว่า ไม่จำเป็นต้องเบียดบังงบประมาณแผ่นดิน
ดร.พิชาย ย้ำว่า รัฐบาลแบบเปิดในระบอบประชาธิปไตย การบริหารงานด้วยเงินภาษีประชาชนต้องตรวจสอบได้ การปิดบังข้อมูลโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน เท่ากับเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชน
ทั้งหมดนี้ ยังไม่มีใครกล่าวหาว่า นายกฯ เบียดบังเงินหลวง แต่เป็นเรื่องที่นายกฯ และรัฐบาล ต้องสร้างความกระจ่าง ไม่ใช่ยอกย้อนกลับ เพราะเป็นเรื่องความหวังดี ให้เกิดความโปร่งใส
ทั้งยังไม่จำเป็นที่นายกฯ ต้องมีโปรแกรมการเดินทาง หรือตรวจราชการตลอดถี่ยิบแบบไม่ได้หยุด เหมือนกับสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ติดขัดเรื่องงบประมาณรายจ่าย ทำเสร็จล่าช้าร่วมครึ่งปี จึงมีเวลาส่วนหนึ่ง ไปพบปะเจรจานักลงทุนต่างชาติ
แต่รัฐบาลปัจจุบัน มีภารกิจอื่น ๆ ที่รอคอยนายกฯ ให้ดำเนินการมากมาย อาทิ ความไม่เป็นเอกภาพ คุมเสียงข้างมากในสภาไม่ได้ ขณะที่สภากำลังจะเปิดสมัยวิสามัญฯ พิจารณางบประมาณปี 2569 เรื่องปัญหาฮั้วเลือก สว.ที่เชื่อมโยงความขัดแย้งระหว่าง 2 พรรคใหญ่ร่วมรัฐบาล เรื่องกฎหมายกาสิโน ที่พรรคร่วมเห็นต่าง
เรื่องตึก สตง.ถล่มใกล้ครบ 2 เดือน รัฐบาลยังไม่ได้แสดงจุดยืนว่า จะเอาจริงกับเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน เรื่องงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท เรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และอีกสาระพัดเรื่อง
มิหนำซ้ำ ล่าสุดน้ำป่าถล่มแม่สายอีกรอบแล้ว กระทั่งต้องส่งข่าว นายกฯ สั่งการ รมว.มหาดไทย จากต่างประเทศ ให้ไปดูแลเรื่องนี้
ทั้งที่หากนายกฯ เดินทางไปลงพื้นที่ด้วยตัวเอง จะได้คะแนนนิยมอีกมากโข ทั้งยังมีเวลาเตรียมพร้อม สำหรับการเข้าร่วมประชุมผู้นำอาเซียน ที่มาเลเซีย
ปริมาณและคุณภาพงาน จะมาควบคู่กัน และไม่ต้องโดนวิพากษ์อย่างถูกตั้งข้อสงสัยจากทริปไปอังกฤษครั้งนี้
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : ศาลปกครองชี้แจงไม่ได้สั่ง "ยิ่งลักษณ์" ชดใช้คดีจำนำข้าว
สั่งปิดน้ำตก 3 แห่งในอุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย น้ำป่าไหลหลาก
DSI ส่งสำนวน 16 ลังให้อัยการสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหาคดีนอมินีตึก สตง.