“ปลายฝนต้นหนาว” เริ่มตั้งแต่ประมาณปลายเดือนตุลาคม จนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการเที่ยวชมธรรมชาติทางภาคเหนืออย่างยิ่ง ทั้งป่าเขา ลำน้ำ ทะเลหมอก โดยเฉพาะจังหวัดน่าน เมื่อใครได้มาเยือนก็อยากจะกลับไปอีก ด้วยวิถีชีวิตคนน่านที่เรียบง่าย เป็นมิตร สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติมากมาย แต่ละแห่งมีเอกลักษณ์ที่น่าจดจำและประทับใจ
ต้นไม้ช่วงปลายฤดูฝนได้รับน้ำฝนชุ่มฉ่ำมาตลอด 3 เดือนผลิใบอ่อนสลับกับใบเดิมทำให้ความขียวชอุ่มของภูเขาไล่เฉดสีได้สวยงามยิ่งกว่าจิตรกรวาดภาพเสียอีก ถนนหนทางก็ปราศจากฝุ่น พื้นดินยังคงซับน้ำไว้ไม่แห้งผาก อากาศกำลังสบายไม่ร้อนหรือหนาวเย็นจนเกินไป และที่สำคัญช่วงนี้เราจะได้สัมผัสกับทะเลหมอกกันอย่างเต็มๆ จากสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง เมื่อความร้อนคลายจากพื้นดินในเวลากลางคืน และอากาศเริ่มเย็นลงจนมีค่าเท่ากับอุณหภูมิจุดน้ำค้าง ไอน้ำจึงกลั่นตัวเป็นละอองน้ำขนาดเล็กกระจายไปทั่วหุบเขา ปลายฝนต้นหนาวเป็นช่วงที่เหมาะที่สุดสำหรับการชมทะเลหมอกในยามเช้า
อ่านข่าว : ขึ้นเหนือรับลมหนาว หย่อนใจในหุบเขา บ้านแม่สามแลบ จ.แม่ฮ่องสอน
มนต์เสน่ห์ของขุนเขา ดอยสกาด อำเภอปัว จังหวัดน่าน
ดอยสกาด จังหวัดน่าน จุดเช็คอินที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้ มนต์เสน่ห์ของภูเขาวิวสุดอลังการพาโนรามา โอบล้อมหมู่บ้านแห่งนี้ไว้ กำลังรอต้อนรับผู้มาเยือนอย่างอบอุ่นด้วยโฮมสเตย์บ้านไม้เก่า และรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรไมตรีของชาวบ้านเชื้อสายลัวะ กลุ่มชาติพันธุ์ดั้งเดิมแห่งเมืองน่าน หรือที่เรียกขานกันว่า “ลัวะเมืองน่าน”
อ่าน : “เที่ยวสะปัน” ในวันที่แปรเปลี่ยน ฤๅ เสน่ห์ชุมชนจะจางหายไป
การเดินทางมาสกาดไม่ยาก อยู่ห่างจากตัวเมืองปัวประมาณ 20 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองประมาณ 30 นาที ถนนลาดยางตลอดสาย ทางขึ้นเขาไม่ชันมาก บางช่วงถนนแคบรถสวนกันยาก มีทางโค้งเป็นระยะ ถ้าเพลิดเพลินกับวิวสองข้างทางจะรู้สึกไม่นาน สักพักก็ถึงจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ ทิวทัศน์สวยงาม เงียบสงบเหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบชิลๆ ไม่รีบเร่ง สมกับสมญานามของจังหวัดที่ผู้มาเยือนตั้งให้ว่า “น่าน เนิบเนิบ” อากาศที่นี่เย็นสบายทั้งปี หน้าหนาวอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ17-18 องศา หน้าร้อนไม่เกิน 30 องศา ถ้ามาช่วงปลายฝนต้นหนาวจะได้สัมผัสกับทะเลหมอกอย่างเต็มอิ่ม
อ่าน : เที่ยวแม่ฮ่องสอน สักการะ "พระธาตุคู่ กองมูเสียดฟ้า"
ก่อนหน้านี้เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา สกาดเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังจากสถานที่พักใน”สะปัน” เริ่มไม่เพียงพอกับปริมาณนักท่องเที่ยวและมีราคาสูงขึ้นจากการเข้ามาของนักธุรกิจต่างถิ่น นักท่องเที่ยวจึงหลั่งไหลมาที่สกาดเป็นจำนวนมากจากปากต่อปาก และการรีวิวในโซเชียลมีเดีย แต่เมื่อเกิดสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทยระบาดอย่างหนัก ททท. จึงขอความร่วมมือโฮมสเตย์บนดอยสกาดปิดให้บริการชั่วคราว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดตั้งแต่ กรกฎาคม 2564 ทำให้สกาดเงียบเหงาลงไปทันที จนถึงปี 2565 COVID-19 เริ่มคลี่คลายลง สกาดจึงฟื้นตัวอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
อ่าน : หนาวนี้ ออกไปดริปกาแฟ แตะขอบฟ้าที่ "ห้วยโทน" จ.น่าน
ปัจจุบัน ดอยสกาดมีโฮมสเตย์มากกว่า 100 แห่ง ไม่มีรีสอร์ตหรือโรงแรมสำหรับนักเที่ยวสายพักหรู นอนแอร์ เกือบทั้งหมดเป็นบ้านไม้เก่า คุมโทนรูปแบบการสร้างให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ละแห่งมีห้องพักไม่มาก 2-3 ห้องต่อหลัง ด้วยแนวคิดเปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่นดุจเพื่อนฝูงและญาติมิตร ใครที่อยากมาเที่ยวสามารถค้นหาเพจโฮมสเตย์บนดอยสกาดได้ง่ายๆ เจ้าของโฮมสเตย์เปิดเพจสำหรับให้นักเที่ยวติดต่อจองบ้านพักได้โดยตรง มาที่นี่ไม่ต้องกลัวใช้เน็ตไม่ได้ สัญญาณโทรศัพท์จัดว่าแรงใช้ได้เลย
อ่าน : หนาวนี้เที่ยว "ทุ่งดอกบัวตอง 2566" บนดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอน
การที่ “สกาด” มีผู้นำรวมกลุ่มโฮมสเตย์ที่เข้มแข็ง สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ทำให้สกาดมีความโดดเด่นและโอกาสอยู่รอดมีสูง เพราะบทเรียนจากโฮมสเตย์หลายแห่ง เมื่อนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ก็จะนำมาซึ่งการแข่งขันทางธุรกิจในทุกรูปแบบ ทำให้วิถีโฮมสเตย์และเสน่ห์ชุมชนหายไป สุดท้ายท่องเที่ยวชุมชนก็จะล่มสลายไม่สามารถไปต่อได้ สกาดเรียนรู้บทเรียนจากหมู่บ้านโฮมสเตย์ที่โด่งดัง ไม่ว่าจะเป็นแม่กำปอง จ.เชียงใหม่ หรือแม้แต่สะปัน นำข้อดีและข้อเสียมาปรับใช้เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวชุมชนแบบยั่งยืน
โฮมสเตย์แต่ละหลังมีจุดเด่นที่เหมือนและแตกต่างกัน ทั้งบรรยากาศและอาหารการกิน เกือบทุกครัวเรือนจะปลูกต้นกาแฟ ใบชาเมี่ยง มะแขว่น เมนูอาหารพื้นบ้านจะมีส่วนผสมของใบเมี่ยงบ้าง หรือมะแขว่น สมุนไพรพื้นบ้านที่รสชาติเผ็ดร้อน หอมฉุน เช่น น้ำพริกหนุ่มผสมมะแขว่นสด ก็ให้รสชาติที่แตกต่างจากน้ำพริกหนุ่มในเมือง หรือก๋วยเตี๋ยวที่น้ำซุปมีส่วนผสมของใบเมี่ยง กาแฟยามเช้าที่ให้บริการก็มาจากต้นกาแฟ สายพันธุ์อาราบิก้าที่ชาวบ้านปลูกเอง อาหารจากโฮมสเตย์ดอยสกาดจึงเต็มไปด้วยเอกลักษณ์และสูตรเด็ดที่ไม่เหมือนใคร
ดอยสกาด อำเภอปัว จังหวัดน่าน
ส่วนบรรยากาศนั้นแทบจะสรรหาคำมาบรรยายเพื่อให้เห็นภาพอย่างที่ไปสัมผัสเองไม่ได้จริงๆ เมื่อลุกขึ้นจากที่นอน มองออกนอกหน้าต่างไปก็จะได้สัมผัสกับอากาศเย็นสบาย บริสุทธิ์ เห็นทิวเขาเขียวสลับซับซ้อนของเทือกเขาดอยภูคาลูกแล้วลูกเล่าไม่รู้จบ สายหมอกลอยมาเป็นทิว แถมบางแห่งยังทำห้องน้ำหันหน้าไปทางแนวเขาพร้อมเปิดหน้าต่างให้เห็นวิวอีกต่างหาก ไม่ว่าจะอยู่บริเวณไหนของบ้านก็ “ฟิน” ได้ทุกที่
หลังอาหารเช้าได้นั่งจิบกาแฟดริปบริเวณนอกชาน มองดูเขาชิวๆ เอื่อยๆ ปล่อยใจไปกับสายลมเย็นและแดดยามเช้าที่แสนจะอบอุ่น เท่านี้ก็ไม่ต้องไปไหนแล้ว สำหรับคนที่ต้องการดื่มด่ำกับธรรมชาติ สงบเงียบ วิวหลักล้าน ชาร์ตแบตเติมพลังได้เกินร้อย พร้อมแบตสำรองอีกต่างหาก รีเฟรซร่างกายให้หายเหนื่อยจากการทำงานในเมือง ให้รางวัลกับชีวิตด้วยการออกมาเที่ยวธรรมชาติ วิถีชุมชน ความสุขอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
ว้าว ! ไทยแลนด์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
"ภูชี้ฟ้า" 2566 เริ่มคึกคัก นทท.แห่ชมทะเลหมอก สัมผัสอากาศหนาว
"ดอยอินทนนท์" พร้อมรับนักท่องเที่ยว "หน้าหนาว"