จากสภาพเศรษฐกิจปีที่ผ่านมา ตัวเลขทางเศรษฐกิจของไทย ทั้งในมุมของจีดีพีที่อยู่ในระดับต่ำ การร่วงลงอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้น การเลิกจ้างงานในหลายบริษัท และตัวเลขของหนี้ครัวเรือนที่สูงเกินเพดาน ช่วงปลายปีหลาย ๆ โพลจึงทำแบบสำรวจเรื่องความหวังทางด้านเศรษฐกิจในปี 2568 ผลโพลทุกสำนัก ออกมาในทิศทางเดียวกันคือคนไทย ไร้ความสุขและไร้ความหวังทางด้านเศรษฐกิจ เพราะอะไรประชาชนทั่วไปจึงรู้สึกแบบนี้ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน จะมาเปิดสาเหตุคนไทยไร้ความสุขในปี 2567
การสำรวจความคิดเห็นล่าสุดจากหลายหน่วยงานชี้ว่า คนไทยมีความสุขลดลงในปี 2567 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหานี้คือ "เศรษฐกิจ" ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้และค่าครองชีพของประชาชน
จากการสำรวจของนิดาโพล พบว่า มากกว่าครึ่ง (52.14%) ของประชาชนระบุว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อรายได้และความเป็นอยู่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พวกเขารู้สึกเบื่อหน่ายในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ปัญหาภัยไซเบอร์ (28.09%) และปัญหาทางการเมือง (27.86%) ก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกด้วย
การสำรวจความคิดเห็นของดุสิตโพลและหอการค้าไทยก็ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน โดยพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เห็นแนวโน้มว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นในอนาคตอันใกล้
ผลสำรวจของดุสิตโพลพบว่า 45.31% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า เศรษฐกิจไทยยังไม่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น ขณะที่ 23.63% คาดว่าจะดีขึ้นในครึ่งหลังของปี 2568 และ 17.36% คาดว่าจะดีขึ้นหลังปี 2569 เป็นต้นไป
ในขณะเดียวกัน การสำรวจของหอการค้าไทยก็พบว่า เพียง 2.8% เท่านั้นที่มองว่าเศรษฐกิจดี ขณะที่ 44.9% มองว่าเศรษฐกิจปานกลาง และ 52.3% เชื่อว่าเศรษฐกิจแย่ลง นอกจากนี้ ยังพบว่า 57.2% คาดว่ารายได้ในอนาคตจะไม่เปลี่ยนแปลง และ 38.4% คาดว่ารายได้จะแย่ลง
เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ที่ไม่เปลี่ยนแปลง ประชาชนต้องเผชิญกับภาระค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร พลังงาน และค่าพาหนะ ซึ่งมีอัตราการปรับตัวสูงมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ตัวอย่างเช่น ราคาสินค้าในหมวดยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นถึง 39.2% ในช่วงปี 2555-2565 ขณะที่อาหารสดและอาหารไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 23.8% และ 22.7% ตามลำดับ
ในขณะที่รายได้เฉลี่ยของคนไทยในช่วงเวลาเดียวกันเพิ่มขึ้นเพียง 10-20% เท่านั้น ส่งผลให้อำนาจซื้อของประชาชนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ภาครัฐได้ตอบสนองต่อความกังวลของประชาชนด้วยการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเน้นการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ เช่น มาตรการ Digital Wallet และโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพ
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ดำเนินมาตรการควบคุมราคาสินค้าและบริการที่จำเป็น เช่น การตรึงราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้า เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน
อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังคงมีความกังวลว่ามาตรการเหล่านี้อาจไม่เพียงพอในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพในระยะยาว จึงยังคงต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการเพิ่มเติม เช่น การลดค่าครองชีพอย่างเร่งด่วน และการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น
จากการศึกษาข้อมูลจากหลายแหล่ง พบว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้คนไทยรู้สึกขาดความสุขในปี 2567 คือ ปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ในขณะที่รายได้ของประชาชนกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อ ส่งผลให้อำนาจซื้อลดลง และทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยแย่ลง
ภาครัฐได้พยายามแก้ไขปัญหาด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและควบคุมค่าครองชีพ แต่ประชาชนยังมีความกังวลว่ามาตรการเหล่านี้อาจไม่เพียงพอ จึงยังต้องการให้รัฐบาลดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนอย่างเร่งด่วน
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/95886
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/watch/NFVWto
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/watch/CaUo31
ติดตามชมช่วงเศรษฐกิจติดบ้าน ได้ในรายการวันใหม่วาไรตี้ วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 8.00 - 10.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ www.thaipbs.or.th/Live
จากสภาพเศรษฐกิจปีที่ผ่านมา ตัวเลขทางเศรษฐกิจของไทย ทั้งในมุมของจีดีพีที่อยู่ในระดับต่ำ การร่วงลงอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้น การเลิกจ้างงานในหลายบริษัท และตัวเลขของหนี้ครัวเรือนที่สูงเกินเพดาน ช่วงปลายปีหลาย ๆ โพลจึงทำแบบสำรวจเรื่องความหวังทางด้านเศรษฐกิจในปี 2568 ผลโพลทุกสำนัก ออกมาในทิศทางเดียวกันคือคนไทย ไร้ความสุขและไร้ความหวังทางด้านเศรษฐกิจ เพราะอะไรประชาชนทั่วไปจึงรู้สึกแบบนี้ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน จะมาเปิดสาเหตุคนไทยไร้ความสุขในปี 2567
การสำรวจความคิดเห็นล่าสุดจากหลายหน่วยงานชี้ว่า คนไทยมีความสุขลดลงในปี 2567 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหานี้คือ "เศรษฐกิจ" ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้และค่าครองชีพของประชาชน
จากการสำรวจของนิดาโพล พบว่า มากกว่าครึ่ง (52.14%) ของประชาชนระบุว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อรายได้และความเป็นอยู่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พวกเขารู้สึกเบื่อหน่ายในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ปัญหาภัยไซเบอร์ (28.09%) และปัญหาทางการเมือง (27.86%) ก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกด้วย
การสำรวจความคิดเห็นของดุสิตโพลและหอการค้าไทยก็ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน โดยพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เห็นแนวโน้มว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นในอนาคตอันใกล้
ผลสำรวจของดุสิตโพลพบว่า 45.31% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า เศรษฐกิจไทยยังไม่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น ขณะที่ 23.63% คาดว่าจะดีขึ้นในครึ่งหลังของปี 2568 และ 17.36% คาดว่าจะดีขึ้นหลังปี 2569 เป็นต้นไป
ในขณะเดียวกัน การสำรวจของหอการค้าไทยก็พบว่า เพียง 2.8% เท่านั้นที่มองว่าเศรษฐกิจดี ขณะที่ 44.9% มองว่าเศรษฐกิจปานกลาง และ 52.3% เชื่อว่าเศรษฐกิจแย่ลง นอกจากนี้ ยังพบว่า 57.2% คาดว่ารายได้ในอนาคตจะไม่เปลี่ยนแปลง และ 38.4% คาดว่ารายได้จะแย่ลง
เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ที่ไม่เปลี่ยนแปลง ประชาชนต้องเผชิญกับภาระค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร พลังงาน และค่าพาหนะ ซึ่งมีอัตราการปรับตัวสูงมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ตัวอย่างเช่น ราคาสินค้าในหมวดยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นถึง 39.2% ในช่วงปี 2555-2565 ขณะที่อาหารสดและอาหารไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 23.8% และ 22.7% ตามลำดับ
ในขณะที่รายได้เฉลี่ยของคนไทยในช่วงเวลาเดียวกันเพิ่มขึ้นเพียง 10-20% เท่านั้น ส่งผลให้อำนาจซื้อของประชาชนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ภาครัฐได้ตอบสนองต่อความกังวลของประชาชนด้วยการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเน้นการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ เช่น มาตรการ Digital Wallet และโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพ
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ดำเนินมาตรการควบคุมราคาสินค้าและบริการที่จำเป็น เช่น การตรึงราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้า เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน
อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังคงมีความกังวลว่ามาตรการเหล่านี้อาจไม่เพียงพอในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพในระยะยาว จึงยังคงต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการเพิ่มเติม เช่น การลดค่าครองชีพอย่างเร่งด่วน และการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น
จากการศึกษาข้อมูลจากหลายแหล่ง พบว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้คนไทยรู้สึกขาดความสุขในปี 2567 คือ ปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ในขณะที่รายได้ของประชาชนกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อ ส่งผลให้อำนาจซื้อลดลง และทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยแย่ลง
ภาครัฐได้พยายามแก้ไขปัญหาด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและควบคุมค่าครองชีพ แต่ประชาชนยังมีความกังวลว่ามาตรการเหล่านี้อาจไม่เพียงพอ จึงยังต้องการให้รัฐบาลดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนอย่างเร่งด่วน
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/episodes/95886
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/watch/NFVWto
https://www.thaipbs.or.th/program/Economics101/watch/CaUo31
ติดตามชมช่วงเศรษฐกิจติดบ้าน ได้ในรายการวันใหม่วาไรตี้ วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 8.00 - 10.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ www.thaipbs.or.th/Live