ถ้าจะหาเหตุการณ์อะไรสักอย่างที่ทำให้คนดูหัวใจเต้นตูมตาม รับรองว่าหนึ่งในนั้นต้องเป็นแมตช์ “รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก” อย่างไม่ต้องสงสัย เราไม่ได้กล่าวเกินจริงไป ยิ่งโดยเฉพาะแฟน ๆ สายฟุตบอลตัวยง หลายคนทราบดีว่า การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกแต่ละครั้ง เต็มไปด้วยความสนุก ตื่นเต้น แถมยังลุ้นระทึก เพราะอาจเกิดเหตุการณ์พลิกผันได้ตลอดเวลา
ไทยพีบีเอสจึงชวนย้อนอ่านเรื่องราวในรอบชิงชนะเลิศของศึกฟุตบอลโลกที่ผ่านมา มีสถิติใดที่น่าสนใจ และรอบชิงฯ หนไหนที่เป็น “ที่สุด” แห่งการจดจำกันบ้าง ตามไปดู...
ที่สุดแห่งทีมในรอบชิงชนะเลิศ
ฟุตบอลโลกจัดแข่งขันมากว่า 22 ครั้ง สถิติของทีมที่ผ่านเข้ารอบชิงมากที่สุด นั่นคือ เยอรมนี ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ทั้งหมด 8 ครั้ง (ปี 1954, 1966, 1974, 1982, 1986, 1990, 2002, 2014) และคว้าแชมป์โลกไปได้ 4 ครั้ง ส่วนบราซิลตามมาติด ๆ ที่จำนวน 7 ครั้ง (ปี 1950, 1958, 1962, 1970, 1994, 1998, 2002) แต่สามารถคว้าแชมป์โลกไปได้ถึง 5 ครั้ง
นอกจากนี้ทั้งบราซิลและเยอรมนียังมีสถิติในรอบชิงฯ ที่ไม่ธรรมดา ทั้งคู่เคยฟันฝ่าเข้าสู่รอบชิงฯ ได้ติดต่อกันถึง 3 ครั้ง เยอรมนีผ่านเข้ามาชิงชนะเลิศในปี 1982, 1986 และ 1990 ส่วนบราซิลเข้าชิงฯ ติดต่อกันในปี 1994, 1998 และ 2002
เมื่อมีทีมที่เข้ารอบชิงฯ มากที่สุดไปแล้ว ในมุมกลับกัน ก็มีทีมที่ผิดหวัง “อกหัก” ในรอบชิงชนะเลิศบ่อยครั้งที่สุดเช่นกัน นั่นคือ ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ โดยทีมฉายา “กังหันสีส้ม” ผ่านเข้าสู่รอบชิงฯ ได้ถึง 3 ครั้ง คือในปี 1974, 1978 และปี 2010 แต่พลาดท่าแพ้ให้กับคู่แข่งหมดทั้งสิ้น เนเธอร์แลนด์จึงยังเป็นชาติที่ต้องรอคอย “ถ้วยแชมป์โลก” ใบแรกต่อไป
ที่สุดของผู้ชมในรอบชิงฯ
ไฮไลต์อีกอย่างในแมตช์รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก นั่นคือ จำนวนของผู้คนที่เดินทางมารวมตัวกันเพื่อชมเกมในรอบชิงฯ โดยที่ผ่านมา เคยมีอยู่ 3 แมตช์ ที่แฟนบอลหลั่งไหลเข้ามาอยู่ในสนามจำนวนเกินหนึ่งแสนคน ได้แก่ รอบชิงฯ ในปี 1970 บราซิล พบ อิตาลี ณ สนาม Estadio Azteca ประเทศเม็กซิโก จำนวนผู้เข้าชมกว่า 107,412 คน ต่อมาเป็นรอบชิงฯ ในปี 1986 อาร์เจนตินา พบ เยอรมนีตะวันตก (ชื่อเดิมก่อนรวมประเทศ) ณ สนาม Estadio Azteca ประเทศเม็กซิโกเช่นกัน จำนวนผู้ชมกว่า 114,600 คน ส่วนนัดชิงชนะเลิศที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดเป็นสถิติตลอดกาล ได้แก่ รอบชิงฯ ในปี 1950 อุรุกวัย พบ บราซิล ณ สนาม Maracanã Stadium ประเทศบราซิล จำนวนผู้ชมในสนามกว่า 173,850 คน
ที่สุดแห่งการทำประตูในรอบชิงชนะเลิศ
“การยิงประตู” คือผลลัพธ์ของการตัดสินหาผู้ชนะในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งผลสกอร์ยอดฮิตในรอบชิงฯ ฟุตบอลโลกหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา คือจำนวนประตู 4-2 มันเกิดขึ้นในปี 1930 อุรุกวัยเอาชนะอาร์เจนตินาไป 4-2 ต่อมาปี 1938 อิตาลีเอาชนะฮังการีในรอบชิงไป 4-2 เช่นกัน และในปี 1966 อังกฤษต่อเวลาเอาชนะเยอรมนีตะวันตกไป 4-2 กระทั่งเมื่อฟุตบอลโลกปี 2018 ฝรั่งเศสก็เอาชนะโครเอเชียในรอบชิงฯ ไปด้วยสกอร์ 4-2 เช่นเดียวกัน
แต่ถ้าถามว่า จำนวนการทำประตูในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกที่มากที่สุด ต้องยกให้รอบชิงฯ ในปี 1958 บราซิลเอาชนะสวีเดนไป 5-2 ส่งผลให้ทีมแซมบ้าคว้าแชมป์โลกได้เป็นสมัยแรก
ด้านนักเตะที่ทำประตูในรอบชิงชนะเลิศได้มากที่สุด มีด้วยกัน 4 คน ได้แก่ วาวา และเปเล่ แห่งทีมชาติบราซิล, เซอร์ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ทีมชาติอังกฤษ และ ซีเนดีน ซีดาน แห่งทีมชาติฝรั่งเศส โดยทั้งหมดทำประตูรวมในรอบชิงฯ ได้จำนวน 3 ประตูเท่ากัน
ที่สุดของแมตช์รอบชิงชนะเลิศในความทรงจำ
ฟุตบอลโลกผ่านรอบชิงชนะเลิศมา 21 ครั้ง แทบทุกครั้งเป็นรอบชิงฯ ที่ได้ลุ้นกันสนุก เนื่องจากทุก ๆ ทีมที่ผ่านเข้ามาถึงรอบนี้ เค้นฟอร์มการเล่นออกมาอย่างเต็มที่ จนมีหลายต่อหลายครั้งที่เกิดเรื่องราวอันเป็น “ที่สุด” ในรอบชิงฯ อยู่มากมาย...
-ที่สุดแห่งการลุ้น: ต้องยกให้กับรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 1986 เป็นนัดที่ อาร์เจนตินา โคจรมาพบกับ เยอรมนีตะวันตก โดยทีมฟ้าขาว-อาร์เจนตินา ขึ้นนำไปก่อนถึง 2-0 แต่ถูกทีมอินทรีเหล็ก-เยอรมนีตะวันตก ไล่ตามมาตีเสมอ 2-2 จนเข้าสู่ท้ายเกม “ดีเอโก้ มาราโดน่า” ยอดนักเตะอาร์เจนตินาในยุคนั้น ผ่านบอลสุดสวยไปให้ ฮอร์เก้ เบอร์รูชากา เพื่อนร่วมทีม ลากบอลเข้าไปยิงประตูชัยได้สำเร็จ ส่งผลให้อาร์เจนตินาเฉือนเยอรมนีตะวันตกไปแบบสุดมันส์ 3-2 คว้าแชมป์โลกสมัยที่สองไปครองได้ในที่สุด
-ที่สุดแห่งการดวลจุดโทษ: เป็นรอบชิงชนะเลิศปี 1994 ระหว่าง บราซิลกับอิตาลี การแข่งขันลากยาวไปจนถึงช่วงต่อเวลา แต่เมื่อครบ 120 นาที ทั้งสองทีมยังทำประตูกันไม่ได้ ผลสุดท้ายลงเอยด้วยการยิงลูกจุดโทษตัดสิน ปรากฏว่าบราซิลเอาชนะไปด้วยสกอร์ 3-2 แต่ช็อตที่บีบหัวใจแฟนบอลไปทั่วโลก คือวินาทีที่ “โรแบร์โต้ บาจโจ้” ซูเปอร์สตาร์แห่งอิตาลี ที่ออกมายิงลูกจุดโทษเป็นคนสุดท้ายเพื่อตีเสมอบราซิล แต่กลับซัดลูกบอลลอยโด่งข้ามคานออกไปไกล กลายเป็นช็อตที่ช็อก และติดตาแฟนบอลมาจนถึงทุกวันนี้
-ที่สุดดาวยิงในนัดชิงชนะเลิศ: ต้องยกให้กับ “โรนัลโด้” นักเตะกองหน้าทีมชาติบราซิล โดยในนัดชิงชนะเลิศปี 2002 โรนัลโด้พาบราซิลเอาชนะเยอรมนีไปได้ 2-0 แถมยังเป็นการทำประตูของเจ้าตัวทั้งสองลูก ซึ่งรวมทั้งทัวร์นาเมนท์นั้น โรนัลโด้ซัดไป 8 ประตู ได้รับตำแหน่งดาวซัลโวไปครอง แต่เรื่องที่เป็นไฮไลต์มากกว่านั้น คือทรงผมของเขาที่โกนเป็นรูปสามเหลี่ยมบริเวณด้านหน้า หรือที่เรียกว่า “ทรงไดโกโระ” กลายเป็นไวรัลทำให้เด็ก ๆ ที่ชื่นชอบฟุตบอลในยุคนั้น พากันตัดตามกันเป็นแถว
-ที่สุดรอบชิงอันฉาวโฉ่: เป็นเหตุการณ์ในรอบชิงชนะเลิศปี 2006 เมื่อ ซีเนดีน ซีดาน กัปตันทีมชาติฝรั่งเศส เอาศีรษะไปชนเข้าที่บริเวณหน้าอกของ มาร์โก มาเตรัซซี กองหลังทีมชาติอิตาลี จนส่งผลให้เจ้าตัวถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม และผลสุดท้ายฝรั่งเศสพ่ายในการดวลจุดโทษต่ออิตาลีไป 5-3 แต่ประเด็นการถูกไล่ออกจากสนามของซีดานไม่จบเพียงเท่านั้น เนื่องจากภายหลังมีการเปิดเผยที่มาของพฤติกรรมรุนแรงดังกล่าว สาเหตุเกิดจากเขาถูก มาเตรัซซี ยั่วยุด้วยประโยคหยาบคายต่อครอบครัว จึงทำให้ซีดานฟิวส์ขาด จัดการเอาศีรษะกระแทกอย่างจัง และฟุตบอลโลกหนนั้น เจ้าตัวก็ประกาศอำลาทีมชาติไปในที่สุด
-ที่สุดรอบชิงฯ สุดดรามา: คำว่า “เฉือนกันในนาทีท้ายๆ” ใช้ได้กับแมตช์รอบชิงฯ ปี 2010 ระหว่าง สเปนกับเนเธอร์แลนด์ โดยในช่วงเวลา 90 นาที ทั้งคู่เสมอกัน 0-0 เกมต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที จนเกือบจะหมดเวลาต้องหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษอยู่แล้ว แต่กลายเป็นว่า อันเดรส อิเนียสต้า นักเตะกองกลางของสเปน ซัดบอลตูมเดียวเข้าไปตุงตาข่าย ส่งให้สเปนพลิกชนะ และกลายเป็นแชมป์โลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไปในทันที
ถึงตรงนี้ คู่ชิงฟุตบอลโลก 2022 ระหว่าง อาร์เจนตินา กับ ฝรั่งเศส ผลจะลงเอยเช่นไร คงต้องรอลุ้นกันในคืนวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคมนี้ แต่รับประกันได้ว่า ขึ้นชื่อว่า “รอบชิงบอลโลก” ไม่มีรสชาติ “จืด” อย่างแน่นอน...
อ่านข่าวและเกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับฟุตบอลโลกได้ที่ www.thaipbs.or.th/Worldcup2022
ข้อมูลอ้างอิง : www.mykhel.com, www.footballhistory.org, www.fifa.com