การค้นพบครั้งนี้นำทีมโดย Edward Ashton จาก Institute for Astronomy and Astrophysics สถาบันด้านดาราศาสตร์ที่ไต้หวัน ทีมเดียวกันกับที่ค้นพบดวงจันทร์ดวงใหม่ 64 ดวงของดาวเสาร์เมื่อปี ค.ศ. 2023 โดยครั้งนี้ทีมได้ค้นพบใหม่อีกกว่า 128 ดวง ทำให้จำนวนดวงจันทร์ของดาวเสาร์กลายเป็น 274 ดวง และยังคงเป็นดาวเคราะห์ที่มีดวงจันทร์เยอะที่สุดในระบบสุริยะ ทิ้งห่างอันดับสองอย่างดาวพฤหัสบดีออกไปไกล ซึ่งมีดวงจันทร์เพียง 95 ดวง
การชนกันของ “ดวงจันทร์” ทำให้เกิดจำนวนดวงจันทร์ที่มากขึ้น
ดวงจันทร์ดวงใหม่ที่ค้นพบทั้ง 128 ดวงนี้ อยู่ในกลุ่ม “ดวงจันทร์ที่ผิดปกติ (irregular moons)” เนื่องจากอยู่ห่างดาวเสาร์ค่อนข้างมาก และมีวงโคจรค่อนข้างรีมาก
ย้อนกลับไปประมาณ 4 ปีที่แล้ว Edward Ashton ก็ได้ตีพิมพ์งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่ง ตั้งสมมุติฐานเอาไว้ว่า การชนกันของดวงจันทร์ดาวเสาร์เมื่อประมาณ 100 ล้านปีที่แล้ว อาจให้เกิดกลุ่ม “ดวงจันทร์ที่ผิดปกติ” เหล่านี้ขึ้นมา ซึ่งก็อาจบ่งชี้ได้ว่าดวงจันทร์ขนาดเล็กจำนวนมากของดาวเสาร์ดวงอื่น ๆ นี้ ก็อาจเคยเป็นดวงจันทร์ขนาดใหญ่มาก่อน ก่อนที่จะถูกพุ่งชนกันเอง และแตกออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ
อย่างไรก็ดี งานวิจัยในครั้งนี้ทำให้ Edward Ashton ต้องเปลี่ยนสมมุติฐาน เนื่องจากดวงจันทร์บางกลุ่ม มีลักษณะที่กระจัดกระจายเกินกว่าจะอธิบายได้ด้วยกระบวนการชนกันเพียงครั้งเดียว เขาจึงเชื่อว่า กลุ่มดวงจันทร์ที่ผิดปกติเหล่านี้อาจเกิดจากการชนกันอีกหลายครั้ง ทั้งจากเศษซากของตัวเองที่กระจายออกมาชนกันเอง รวมถึงเศษซากที่กระจายออกไปชนกับดวงจันทร์ดวงอื่น ๆ ที่โคจรรอบดาวเสาร์อยู่แล้ว จึงเกิดเป็นกลุ่มของดวงจันทร์ที่ดูซับซ้อนและวุ่นวายขึ้นเช่นนี้
แล้วจะตั้งชื่อกันอย่างไร ?
ดวงจันทร์ขนาดใหญ่ของดาวเสาร์ที่ค้นพบในยุคแรก ๆ ตั้งชื่อตามยักษ์ไททันในเทพปกรณัมกรีกโบราณ แต่ยิ่งนานวันเข้าจำนวนดวงจันทร์ของดาวเสาร์ก็เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ทำให้จำเป็นต้องใช้ชื่อเทพเจ้าในตำนานของเชื้อชาติอื่น ๆ เช่น ตำนานของชาวกอล (Gaul) ตำนานของชาวนอร์ส (Norse) และตำนานของชาวอินูอิตในแคนาดา (Canadian Inuit) และล่าสุดทั้ง 128 ดวงนี้อาจจะต้องตั้งชื่อตามตำนานเทพเจ้าของชาวไวกิ้ง (Viking) ซึ่งหากยังมีการค้นพบดวงจันทร์ของดาวเสาร์มากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งกว่านี้ ก็จะต้องหาชื่อเทพเจ้าจากตำนานของเชื้อชาติอื่น ๆ มาใช้ ไม่แน่ว่า เราอาจจะได้เห็นชื่อดวงจันทร์ดาวเสาร์เป็นชื่อในภาษาสันสกฤต สำหรับดวงจันทร์ดวงที่ 500 ของดาวเสาร์ก็เป็นได้
ดวงจันทร์ขนาดใหญ่ของดาวเสาร์ได้แก่ ไททัน (Titan) ไมมัส (Mimas) และรีอา (Rhea) ต่างก็มีมวลมากพอที่จะก่อตัวเป็นรูปทรงกลมได้ แต่สำหรับดวงจันทร์ขนาดเล็กที่ค้นพบในครั้งนี้ ส่วนมากมีรูปร่างคล้ายมันฝรั่ง และไม่มีความสมมาตร คล้ายกับดวงจันทร์โฟบอส (Phobos) และดีมอส (Deimos) ของดาวอังคาร
ทั้งนี้ เปเปอร์งานวิจัยยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ เป็นเพียงการเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ arXiv เท่านั้น ซึ่งหมายความว่ายังไม่ได้ผ่านการ peer review โดยกรรมการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : arxiv, earthsky, ธนกร อังค์วัฒนะ - เจ้าหน้าที่สารสนเทศ สดร.
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech