เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม (27 ต.ค. 67)

กองทัพเรือดำเนินการจัดรูปขบวนตามรูปแบบโบราณราชประเพณีทุกประการ โดยจัดรูปขบวนเรือ แบ่งออกเป็น 5 ริ้ว 3 สาย มีกำลังพลประจำเรือ ในทุกริ้วขบวน จำนวน 2,412 นาย ใช้เรือพระราชพิธีทั้งสิ้น 52 ลำ รวมถึงเรือพระที่นั่ง 4 ลำ ประกอบด้วย เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ ซึ่งระยะทางจากฉนวนน้ำท่าวาสุกรีถึงฉนวนท่าน้ำหน้าพระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม รวม 3.9 กิโลเมตร

ในครั้งนี้ กรมศิลปากรได้ดำเนินการอนุรักษ์เรือพระราชพิธี ซึ่งมีสถานะเป็น "โบราณวัตถุ" และการประดับตกแต่งเรือพระราชพิธี ด้วยการลงรักปิดทอง ประดับกระจก โดยฝีมือช่างชำนาญการ จากสำนักช่างสิบหมู่ การบูรณะเรือเน้นรูปแบบศิลปะที่คงความดั้งเดิม งดงาม ซึ่งเป็นงานที่อาศัยทักษะชั้นสูง และวิทยาศาสตร์ผสมผสานกัน ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่เดือนเมษายน ที่ผ่านมา ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

โดยกองทัพเรือเริ่มซักซ้อม 900 ฝีพายเรือในพระราชพิธี ซึ่งการพายเรือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เพราะต้องแสดงท่าพายให้งดงามและเข้มแข็ง ณ บ่อเรือแผนกเรือราชพิธี กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567

พี่ต้น ว่าที่เรือโท ทนงศักดิ์ แท่นทอง ฝีพายมือฉมัง 1 ใน 900 ฝีพายที่เข้าร่วมฝึก ได้กล่าวว่า "รับหน้าที่ฝีพายกราบขวา คอยคุมจังหวะเรือ และฟังคำสั่งจากนายเรือกระบี่ราญรอนราพณ์ ปฏิบัติหน้าที่ในขบวนพยุหยาตราทางชลมารคมาแล้วถึง 4 ครั้ง เริ่มตั้งแต่อายุ 17 ปี สมัยยังเป็นนักเรียนช่างกรมอู่ทหารเรือปีสอง จนตอนนี้อายุ 41 ปี รู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้งที่ได้จับพาย เพราะนี่คือหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ เราได้เป็นตัวแทนของครอบครัวในการรับใช้ประเทศชาติรวมไปถึงที่กำลังจะเกิดขึ้นครั้งนี้ด้วย"

กองทัพเรือได้จัดพิธีบวงสรวงพระภูมิเจ้าที่ พิธีสงฆ์ และเซ่นไหว้แม่ย่านางเรือพระราชพิธี ก่อนจะอัญเชิญเรือพระที่นั่งทั้ง 4 ลำประกอบไปด้วย เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ ไปยังอู่หมายเลขหนึ่ง อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ เพื่อเตรียมการในส่วนของการฝึกซ้อมฝีพาย เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567

ฝีพายประจำเรือพระที่นั่งทั้ง 4 ลำ เข้าประจำเรือพระที่นั่งเพื่อฝึกซ้อม โดยกองทัพเรือได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมฟรีได้ทั้ง 2 ช่วงเวลา ช่วงเช้า 09.00 น.- 11.00 น. และช่วงบ่าย 13.00 น. - 15.00 น. ที่อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567

ในเวลาต่อมา กองทัพเรือเริ่มทำการซ้อมย่อย เป็นการจัดรูปขบวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวน 10 ครั้ง โดยครั้งแรกเริ่ม 1 สิงหาคม 2567 ไปจน ถึงครั้งที่สิบในวันที่ 10 ตุลาคม 2567

การซ้อมใหญ่เสมือนจริง “ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค” ครั้งที่ 1 ยังคงเป็นไปอย่างราบรื่น แต่เมื่อถึงการซ้อมใหญ่เสมือนจริงครั้งที่ 2 เหล่าฝีพายต้องซ้อมท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้การซ้อมครั้งที่ 2 ต้องยุติลงกลางคัน

ในเช้าของวันที่ 27 ตุลาคม 2567 กองทัพเรือจัดพิธีบวงสรวงเซ่นไหว้แม่ย่านางเรือพระราชพิธี เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้แก่กำลังพลประจำเรือ จากนั้นในช่วงสายของวัน ประชาชนพร้อมใจสวมใส่เสื้อสีเหลืองทยอยเข้าไปปักหลักนั่งรอด้วยรอยยิ้มและความตื่นเต้น เพื่อจะรอเห็นนาทีประวัติศาสตร์

และในเวลา 15.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ณ วัดอรุณราชวราราม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ

สรุปประเด็นให้โดย Generative AI

72 พรรษา 72 ภาพ ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค