ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ศุภจีแจงสภาครั้งแรก เดินหน้าลดค่าครองชีพ ดันเจรจาการค้าสหรัฐฯ-FTA

การเมือง
08:28
1,769
ศุภจีแจงสภาครั้งแรก เดินหน้าลดค่าครองชีพ ดันเจรจาการค้าสหรัฐฯ-FTA
อ่านให้ฟัง
08:07อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ แถลงนโยบายต่อสภา เดินหน้าลดค่าครองชีพ ปกป้องผู้ประกอบการไทยด้วย AI และมาตรการเข้มข้น พร้อมเร่งเจรจาการค้าสหรัฐฯ และบริหารจัดการข้าว 21.8 ล้านตัน

เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาในการประชุมร่วมครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา โดยชี้แจงภารกิจสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ ครอบคลุมการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ การลดค่าครองชีพ การป้องกันสินค้าด้อยคุณภาพและนอมินี การเพิ่มขีดความสามารถของ SME และการดูแลสินค้าเกษตร

นางศุภจีเปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจาภาษีต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff) กับสหรัฐฯ โดยไทยสามารถสรุปแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันที่ 31 ก.ค.2568 และจะเร่งสรุปผลการเจรจาความตกลงการค้าต่างประเทศ (Agreement on Reciprocal Trade: ART) ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งครอบคลุมการเปิดตลาดสินค้า บริการ และการลงทุน โดยจะดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อปกป้องภาคการผลิตและตลาดในประเทศ

กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นหน่วยงานเดียวที่ออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) สำหรับการส่งออกไปสหรัฐฯ พร้อมเพิ่มรายการสินค้าเฝ้าระวังเป็น 65 รายการ และใช้เทคโนโลยี AI ตรวจสอบถิ่นกำเนิด รวมถึงออกมาตรการป้องกันการปลอมแปลงเอกสารอย่างเข้มงวด ส่งผลให้การปลอมแปลง Form C/O ลดลงอย่างเห็นได้ชัด จาก 149 ฉบับในปี 2565 และ 168 ฉบับในปี 2566 เหลือเพียง 5 ฉบับในปี 2567 และในปี 2568 ยังไม่พบการปลอมแปลงเลย

ในด้านการปกป้องผู้ประกอบการ ไทยใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) 31 กรณี ขณะที่ถูกต่างประเทศใช้ถึง 73 กรณี ส่วนมาตรการหลบเลี่ยง (AC) ไทยใช้ 6 กรณี และถูกใช้ 4 กรณี สำหรับมาตรการปกป้อง (SG) อยู่ระหว่างการไต่สวน และมาตรการตอบโต้การอุดหนุน (CVD) ไทยถูกใช้จากสหรัฐฯ 7 กรณี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ กระทรวงพาณิชย์ปรับปรุงกระบวนการโดยลดระยะเวลาการรับคำร้องจาก 4 เดือนเหลือ 1 เดือน ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูล และลดเวลาการไต่สวนจาก 12 เดือนเหลือ 9 เดือน เพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าของผู้ประกอบการไทย

สำหรับปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพจากต่างประเทศและธุรกิจนอมินี กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับ 16 หน่วยงานจัดเก็บ VAT จากสินค้านำเข้ารายย่อยได้กว่า 2,175 ล้านบาท ดำเนินคดีผู้กระทำผิด 81,719 คดี ตรวจสอบสินค้าออนไลน์กว่า 54,000 รายการ พร้อมใช้ AI กำกับดูแลตลาดอีคอมเมิร์ซ และเข้มงวดปราบปรามธุรกิจนอมินี

ด้านการลดค่าครองชีพ รัฐบาลจัดโครงการมหกรรมธงฟ้าและลดราคาสินค้ากว่า 1,300 ครั้ง ช่วยลดค่าใช้จ่ายประชาชนกว่า 5,000 ล้านบาท ร่วมมือโรงพยาบาลเอกชนเปิดเผยค่ายา อนุญาตให้ซื้อจากร้านภายนอกได้ ลดค่าใช้จ่ายรวม 32,400 ล้านบาท และควบคุมราคายาและเวชภัณฑ์จำเป็นอีกกว่า 1,100 ล้านบาท

ในส่วนของสินค้าเกษตร ปี 2568/69 โลกมีผลผลิตข้าวรวม 541 ล้านตัน ใกล้เคียงกับความต้องการบริโภค 542 ล้านตัน แต่มีสต๊อกคงเหลือ 187 ล้านตัน ประกอบกับอินเดียระบายข้าวค้างสต๊อก 20 ล้านตันในราคาต่ำ และอินโดนีเซีย-ฟิลิปปินส์จำกัดการนำเข้า ส่งผลให้ราคาข้าวโลกถูกกดดัน กระทบการส่งออกของไทย

ประเทศไทยคาดการณ์ผลผลิตข้าวปีนี้ 21.8 ล้านตัน รวมสต๊อกต้นปี 3,500,000 ตัน รวมเป็น 25.3 ล้านตัน โดยข้าวหอมมะลิ 6,800,000 ตันเป็นจุดแข็งที่ตลาดต้องการสูง การบริโภคภายในอยู่ที่ 7,400,000 ตัน ส่งออก 5,900,000 ตัน และสำรองเพื่อความมั่นคง 3,400,000 ตัน ทำให้เหลือข้าวส่วนเกิน 1,800,000 ตัน ซึ่งต้องบริหารจัดการอย่างรอบคอบ

รัฐบาลเตรียมมาตรการรับมือทั้งระยะสั้นและยาว โดยระยะยาวเน้นปรับปรุงพันธุ์ข้าว เพิ่มผลผลิตต่อไร่ ลดต้นทุน และปลูกข้าวตามความต้องการของตลาด พร้อมส่งเสริมพืชเสริมมูลค่าสูง เช่น อะโวคาโดในภาคเหนือ เพิ่มรายได้เกษตรกร 60,000–80,000 บาท/ไร่/ปี ส่วนระยะสั้นใน 4 เดือน รับมือผลผลิต 8,500,000 ตัน ด้วย 4 มาตรการ

  1. สินเชื่อชะลอการขาย 3 ล้านตัน
  2. สินเชื่อสนับสนุนสถาบันเกษตรกรรวบรวมและแปรรูป 1,500,000 ตัน
  3. เพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าวเก็บสต๊อก 4,000,000 ตัน และ
  4. ช่วยเหลือเกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ พร้อมลดราคาปุ๋ยและสารเคมีผ่านโครงการธงเขียวทั่วประเทศ

ด้านการส่งออก รัฐบาลผลักดันการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G2G) กับจีน 280,000 ตัน และเสนอขยายเป็น 500,000 ตันในโอกาสครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน รวมถึงจัดทำ MOU ใหม่กับสิงคโปร์ รักษาตลาดญี่ปุ่น 300,000 ตัน/ปี ขยายตลาดซาอุดีอาระเบีย ข้าวอินทรีย์ในยุโรป และข้าวหอมมะลิในสหรัฐฯ

สำหรับผู้ประกอบการใน 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลจัดงานธงฟ้าราคาประหยัด เพิ่มช่องทางตลาดผ่านมหกรรมธงฟ้าในจังหวัดอื่น และจำหน่ายสินค้าออนไลน์ผ่านไปรษณีย์ไทย พร้อมสนับสนุนการจับคู่ธุรกิจกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์และงานมหกรรมการค้าชายแดน

ในส่วนของ FTA รัฐบาลเร่งเจรจา FTA กับสหภาพยุโรปและเกาหลีใต้ให้สำเร็จภายในรัฐบาลนี้ พร้อมผลักดันให้เอกชนใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA และหาตลาดใหม่ในตะวันออกกลาง ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกา อาเซียน และเอเชียใต้ นางศุภจีกล่าวปิดท้ายว่า

รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ตั้งใจทำงานเต็มที่ แม้มีเวลาเพียง 4 เดือน แต่เชื่อมั่นว่าจะมีผลสัมฤทธิ์เป็น KPI ให้สภาฯ และประชาชนติดตาม พร้อมร่วมมือทุกภาคส่วนเพื่อสร้างศักยภาพให้ประเทศไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน

อ่านข่าวอื่น :

ทร.ยันรื้อฐานทหารกัมพูชาแล้ว กดดันรื้อเพิ่มกาสิโนล้ำที่บ้านท่าเส้น

วันที่ 2 แถลงนโยบาย "อนุทิน" ฝ่ายค้านเหลือเวลาเกือบ 4 ชม.