วันนี้ (30 ก.ย.2568) แม้ทางการกัมพูชาจะยืนยันว่าไม่มีตึกคอลเซนเตอร์อยู่ในประเทศ แต่หลักฐานจากฝ่ายไทยและคำให้การจากผู้ที่ถูกหลอกไปทำงานกลับสะท้อนความจริงอีกด้าน โดยศูนย์ช่วยเหลือคนไทยในต่างแดนภาคตะวันออกได้ช่วยเหลือเหยื่อจากสถานที่ดังกล่าวแล้วกว่า 59 แห่ง รวมถึงกรณีหญิงสาวจากราชบุรีที่ต้องเสี่ยงว่ายน้ำข้ามคลองกลับไทย หลังถูกหลอกไปทำงานคอลเซนเตอร์ในเมืองปอยเปต

จนถึงปัจจุบัน ทางการกัมพูชายังไม่ส่งแผนการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์มาให้ไทย แม้ไทยจะส่งพิกัดตึกต้องสงสัยไปแล้วตั้งแต่การประชุมเมื่อวันที่ 16 ก.ย.2568 ที่ผ่านมา ล่าสุด กัมพูชาตอบกลับอย่างไม่เป็นทางการว่าไม่มีตึกคอลเซนเตอร์อยู่ในประเทศ แต่หลักฐานจากฝ่ายความมั่นคงและตำรวจไทยยืนยันว่าไม่เป็นความจริง

หญิงชาวราชบุรี
หญิงชาวราชบุรี
หนึ่งในหลักฐานสำคัญคือเรื่องราวของหญิงชาวราชบุรีคนหนึ่ง ซึ่งเล่าว่าเธอถูกหลอกไปทำงานที่ปอยเปต โดยถูกชักชวนจากแอดมินร้านเสื้อผ้าออนไลน์ แต่เมื่อเดินทางข้ามช่องทางธรรมชาติไปถึง กลับถูกบังคับให้ทำงานเป็นแอดมินคอลเซนเตอร์ เมื่อเธอปฏิเสธ ก็ถูกปล่อยทิ้งไว้ ต้องหาทางกลับไทยด้วยการว่ายน้ำข้ามคลอง ทั้งที่ตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น นอกจากนี้ เธอยังชี้พิกัดตึกใหม่ที่ใช้ทำคอลเซนเตอร์ ซึ่งขยายจากพื้นที่เดิมในปอยเปต ตรงข้าม ต.ป่าไร่

ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือคนไทยในต่างแดนภาคตะวันออกยืนยันว่า การที่กัมพูชาปฏิเสธว่าไม่มีคอลเซนเตอร์นั้น เป็นการหลอกลวงต่อสายตาชาวโลก เพราะทุกวันนี้ยังมีคนไทยร้องขอความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง หลายคนถูกบังคับ ข่มขู่ ให้ทำงานหลอกลวงคนไทยด้วยกันเอง บางรายถูกทำร้ายร่างกาย ถูกช็อตไฟฟ้า และเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
ข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงไทยระบุว่า มีตึกคอลเซนเตอร์ที่สามารถยืนยันได้แล้ว 59 แห่ง และเชื่อว่ามีมากกว่านั้น โดยเฉพาะที่ปอยเปต พบมากที่สุดถึง 33 แห่ง ตึกที่เคยถูกตรวจสอบ เช่น ตึกซานโฮ ตึกเบาะตกปลา และตึกในซอยโอ ก็ยังคงดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบัน

แม้มาตรการเข้มงวดชายแดนจะดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง แต่ข้อเท็จจริงจากคำให้การของเหยื่อ และการร้องขอความช่วยเหลือของคนไทยที่ยังติดอยู่ในกัมพูชา สะท้อนชัดว่าปัญหาคอลเซ็นเตอร์ยังไม่หมดไป และยังเป็นความท้าทายใหญ่ที่ไทยและกัมพูชาต้องร่วมกันแก้ไข
อ่านข่าวอื่น :
เตรียมถมทรายซีเมนต์ 1,200 ลบ.ม. ลงหลุมถนนสามเสนทรุดตัว
ทร.ยันรื้อฐานทหารกัมพูชาแล้ว กดดันรื้อเพิ่มกาสิโนล้ำที่บ้านท่าเส้น