ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ไม่เพียงซักนโยบาย “รบ.หนู” 4 เดือน ฝ่ายค้าน-สว.พันธุ์ใหม่ยังกระทุ้งเรื่อง รมต.

การเมือง
17:43
148
ไม่เพียงซักนโยบาย “รบ.หนู” 4 เดือน ฝ่ายค้าน-สว.พันธุ์ใหม่ยังกระทุ้งเรื่อง รมต.
ดังที่คาดการณ์กันไว้ การแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล จะถูกฝ่ายค้านอภิปรายใน 2 ส่วนหลัก คือเรื่องนโยบาย 8 หน้า 5 ประเด็นปัญหา และ 15 นโยบายรัฐบาล ที่จะดำเนินในกรอบเวลา 4 เดือน

กับเรื่องรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล เนื่องจากส่วนหนึ่งถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสม และมีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเรื่องซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีความประพฤติเข้าข่ายผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัธรรมนูญหรือไม่

อันเป็นส่วนหนึ่งในถ้อยแถลงนโยบายของรัฐบาล ที่ระบุไว้ในข้อ 9 ว่าด้วยการรักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด

ประเด็นดังกล่าว มีการอภิปรายโดย สส.ที่เป็นแกนนำฝ่ายค้านหลายคน เริ่มตั้งแต่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน อดีตหัวหน้าพรรคพรรคเพื่อไทย กระทั่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาติ ที่ลุกขึ้นอภิปรายในเวลาไล่เลี่ยกัน และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ว่าส่อเค้าไม่เป็นไปตามนโยบายที่วางไว้

นอกจากจะวิพากษ์ในหลายเรื่องแล้ว ยังมีการ “เหน็บ” ท้ายพ่วงในทีเช่นกันว่า ขัดแย้งกับแนวทางนโยบายที่ระบุไว้ในสมุดปกสีน้ำเงินที่ใช้แถลง

นายจุรินทร์ เปรียบเปรยนายกฯ เป็น “หนูตกถังข้าวสาร” เนื่องจาก ครม. ชุดนี้ มีเก้าอี้รัฐมนตรีแจกจ่ายอย่างเหลือเฟือ เพราะพรรคประชาชนไม่ส่งคนร่วม ครม. แม้จะมีทั้งคนนอก ที่มีเสียงชื่นชม แต่ยังมี ครม.คนใน ที่เป็นโควตากลุ่มและพรรคการเมือง ที่ถูกตั้งขอสังเกตถึงความเหมาะสม ทั้งเหน็บในทีว่า “แน่มาก” ที่กล้าตั้งรัฐมนตรี ทั้งที่รัฐบาลชุดที่แล้ว ยังไม่กล้าตั้ง เพราะไม่อยากเสี่ยงซ้ำ เหมือนรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน

นพ.ชลน่าน อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อภิปรายตั้งปุจฉาว่า จาก 4 เดือนยุบสภา จะกลายเป็น 4 เดือนยุบคดี และลามเป็น 4 หายนะประเทศ แถมสืบทอดอำนาจต่ออีก 4 ปี เป็นการกินรวบประเทศ อำนาจเงินสะพัด รวมทั้งเรื่องรัฐบาลไม่สานต่อโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทำให้ประชาชนไม่เพียงแค่เสียโอกาส แต่ถูกขโมยอนาคตของประชาชนไปด้วย

ก่อนที่นายอนุทินจะลุกขึ้นชี้แจงตอบโต้ทันควัน แจงยิบทุกประเด็น ยืนยันมาถึงตำแหน่งนายกฯได้วันนี้ ต้องใช้เวลาหลายสิบปี ย้ำคำจะต้องทำดีที่สุดเพื่อเป็นเกียรติประวัติ ยืนยันไม่ให้ใครบงการอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น

ส่วน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชาติ ที่จุดพลุเรื่องเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ และคดีฮั้วเลือก สว. ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้คนกังขาและให้ความสนใจอย่างมาก ยิ่งในกรณีหลัง ได้อภิปรายย้ำชัดว่า มีทั้งรายชื่อนายอนุทิน นายกฯ และรัฐมนตรีในรัฐบาลหลายคน รวมทั้งประธานวุฒิสภา นายมงคล สุระสัจจะ มีรายชื่ออยู่ในกลุ่ม 229 คน ที่ถูกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาของ กกต.ด้วย

นำไปสู่การประท้วงวุ่นวาย ร่วมครึ่งค่อนชั่วโมง ทั้งทาง สส.พรรคภูมิใจไทย และ สว.ส่วนหนึ่ง ประท้วงว่า เป็นการอภิปรายนอกญัตติ ที่เป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาล ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ต้องการให้ประธานในที่ประชุมวินิจฉัยชี้ขาด ให้พูดในญัตติ ไม่ปล่อยให้มีการอภิปรายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

ขณะที่ สส.อีกส่วนหนึ่งจากพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชาติ รวมทั้ง สว.บางคน เช่น น.ส.นันทนา นันทวโรภาส แกนนำกลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ ที่ลุกขึ้นประท้วงผู้ประท้วงอีกต่อหนึ่ง และกล่าวหานายมงคล ทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง เอนเอียงไปทางผู้ประท้วง ชุลมุนอยู่พักใหญ่ และนายอิดศร เพียงเกษ สส.พรรคเพื่อไทย เสนอให้เปลี่ยนตัวประธานในที่ประชุม เพราะอยู่ในกลุ่มถูกกล่าวหาในคดีฮั้วเลือก สว.

แม้ความชุลมุนและประท้วงกันไปมา จะยุติลงเมื่อ พ.ต.อ.ทวี ต้องสรุปตามกรอบเวลา แต่ไม่ได้หมายความว่า ประเด็นคำถามที่ค้างคาใจ ในเรื่องนี้จะเกิดความกระจ่าง หรือได้คำตอบที่กระจ่างชัด เช่นเดียวกับอีกหลายปมคำถาม ที่ฝ่ายค้านและ สว.เสียงข้างน้อย จะทำหน้าที่ทวงถามต่อทั้งในช่วงครึ่งหลังวันที่ 29 ก.ย. และต่อเนื่องถึงวันที่ 30 ก.ย.2568 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก่อนที่รัฐบาลจะเข้าทำหน้าที่บริหารประเทศอย่างเป็นทางการต่อไป

ถึงจะมีเวลาบริหารประเทศจำกัด แต่การขึ้นหลังเสือของ “ครม.อนุทิน” ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทางเดินข้างหน้า 4 เดือน จะขรุขระคดเคี้ยว มีอุปสรรคและปัญหาที่ท้าทายรออยู่ อาจไม่ง่ายเหมือนการแถลงนโยบายในรัฐสภา ซึ่งเป็นเรื่องนามธรรม อย่างไม่ต้องสงสัย

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว : ประธาน กกต.เผยคดีฮั้ว สว.อยู่ในชั้นอนุฯ วินิจฉัยแล้ว

"พัฒนา" ปัดตอบ KPI ฟื้น "ฟอกไตฟรี" ใน 2 เดือน หากทำไม่ได้ถูกยึดเก้าอี้

ศาลฯสั่ง "กทม.-กรุงเทพธนาคม" ชดใช้ค่าจ้างเดินรถ-ค่าซ่อมบำรุง รถไฟฟ้าสายสีเขียว 1.1 หมื่นล้าน