"สารทเดือนสิบ" ประเพณีที่ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย เป็นประเพณีสำคัญยิ่งของชาวภาคใต้ที่ได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาแต่ครั้งโบราณจนถึงปัจจุบัน ประเพณีลูกหลานได้แสดงความกตัญญูต้องบรรพบุรุษผ่านพิธีกรรม อันเนื่องมาจากความเชื่อทางพระพุทธศาสนาที่ได้รับอิทธิพลมาจากพราหมณ์ว่า พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย และญาติพี่น้องซึ่งล่วงลับไปแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่มีบาปตกนรก จะได้รับการปล่อยตัวจากพญายมให้ขึ้นมาพบลูกหลาน และญาติพี่น้องในเมืองมนุษย์ ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 และให้กลับไปในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 จึงได้จัดให้มีการทำบุญเป็นประเพณีขึ้น 2 ครั้ง

ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 เรียกว่า "งานทำบุญรับตายาย" หรือวันหมรับเล็ก เพื่อต้อนรับ ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วกลับสู่โลกมนุษย์
และในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 เรียกว่า "งานทำบุญส่งตายาย" เรียกว่า "วันส่งตายาย" หรือวันหมรับใหญ่ (หมรับใหญ่) เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ให้แก่ผู้ที่ล่วงไป ซึ่งในปี 2568 ตรงกับวันที่ 22 ก.ย.
ลูกหลานที่อยู่ไกล ๆ จะกลับมาทำบุญที่บ้าน และได้ทำกิจกรรมร่วมกันภายในครอบครัวสำหรับในห้วง 15 วัน ของเดือนสิบ จะมีกิจกรรม ทั้งการดับหมรับ ยกหมรัม แห่หมรับ ทำบุญ ตั้งเปรต และการชิงเปรต อันเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวที ต่อบรรพบุรุษ ทั้งที่ล่วงลับไปแล้ว และที่มียังมีชีวิตอยู่

อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช จัดงานเทศกาล "เป-ตะ เฟสติวัล" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่ออนุรักษ์ประเพณีสารทเดือนสิบ หนึ่งในประเพณีสำคัญของภาคใต้ โดยปีนี้จัดขึ้นที่ ตลาดยิบ บริเวณย่านห้องแถวไม้โบราณ ริมถนนชนปรีดา ซึ่งเป็นย่านเก่าแก่กลางใจเมืองทุ่งสง

ภาพ : เทศบาลเมืองทุ่งสง
ภาพ : เทศบาลเมืองทุ่งสง
เทศกาล "เป-ตะ เฟสติวัล" เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย "การพัฒนาเมืองแห่งทุนวัฒนธรรมที่ยั่งยืน และเครือข่ายย่านวัฒนธรรมชุมชน ระยะที่ 2" โดย มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ภายใต้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดขึ้นที่ตลาดยิบ ตั้งอยู่ในย่านห้องแถวไม้เก่าแก่ริมถนนชนปรีดา ใจกลางเมืองทุ่งสง พื้นที่ที่เคยเป็นย่านประวัติศาสตร์ และกำลังได้รับการพัฒนาให้เป็น ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ผ่านการบูรณาการวัฒนธรรมกับการพัฒนาเมือง

เป้าหมายหลักของเทศกาล คือการ อนุรักษ์ ฟื้นฟู และสืบสานประเพณีสารทเดือนสิบ ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมสำคัญของภาคใต้ โดยเฉพาะในแง่มุมของคุณค่าทางจิตใจ เช่น ความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษ ตลอดจนการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วมในการสืบทอดวัฒนธรรมในรูปแบบสร้างสรรค์

ภาพ : เทศบาลเมืองทุ่งสง
ภาพ : เทศบาลเมืองทุ่งสง
ขณะเดียวกัน เทศกาลยังเป็นกลไกสำคัญในการ ส่งเสริมผู้ผลิต ผู้ประกอบการในท้องถิ่น ให้มีพื้นที่จำหน่ายสินค้าและบริการ เพิ่มรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์

"เป-ตะ เฟสติวัล" จึงไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีสำคัญในการยกระดับเมืองทุ่งสงให้เป็นเมืองเทศกาลที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในระดับจังหวัด ประเทศ และนานาชาติได้ในอนาคต
และเพื่อบูรณาการการทํางาน สร้างการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายและประชาชนในพื้นที่

ปิยนาถ กลิ่นภักดี นักวิจัยพื้นที่ มหาวิทยาลัยศิลปากร
ปิยนาถ กลิ่นภักดี นักวิจัยพื้นที่ มหาวิทยาลัยศิลปากร
ปิยนาถ กลิ่นภักดี นักวิจัยพื้นที่ มหาวิทยาลัยศิลปากร โครงการวิจัยเรื่องการพัฒนาเมืองแห่งทุนวัฒนธรรมที่ยั่งยืนและเครือข่ายย่านวัฒนธรรมชุมชนเมืองทุ่งสง กล่าวว่า โครงการวิจัยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2560 ส่งเสริมในเรื่องการพัฒนาทุนวัฒนธรรมชุมชน สู่มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ นำทุนวัฒนธรรมชุมชนที่มีมูลค่า เพื่อสร้างรายได้ให้คนในชุมชน จึงเกิดหลาดชุมทางทุ่งสงซึ่งเป็นตลาดวัฒนธรรมของชุมชนขึ้นมา ซึ่งคนที่มาขายของที่ตลาดนี้ต้องมีทะเบียนบ้านในพื้นที่ อ.ทุ่งสงเท่านั้น เป็นคนทุ่งสงที่ขายสินค้าให้กับคนทุ่งสง

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ทำให้ตลาดเกิดความยั่งยืนมาเป็นปีที่ 6 และในวันนี้ อ.ทุ่งสงมีความพร้อม พร้อมทั้งเรื่องของพื้นที่ โครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงเรื่องของโรงแรม ตลอดจนผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวจึงมองว่านำเรื่องของประเพณีมาขับเคลื่อนเมืองเพื่อให้ อ.ทุ่งสงเป็นที่รู้จักมากขึ้น
"เทศกาลสารทเดือนสิบ ใน อ.ทุ่งสง ห่างหายไปนานกว่า 30 ปี จึงต้องการฟื้นประเพณีสารทเดือนสิบขึ้นมา ซึ่งมองว่าจะสามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเมือง แสดงพลังของวัฒนธรรมชุมชน และเชื่อมโยงสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนได้"

จากการศึกษาสารทเดือนสิบ เป็นประเพณีที่มาจากประเทศอินเดีย ในศาสนาพราหมณ์ก่อนจะแผ่ขยายมาในพระพุทธศาสนา การทำบุญให้กับพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ในภาษาสันสกฤต คือ "เปรต" หมายความว่า ผู้ไปก่อน บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ส่วนภาษาบาลี คือ เปต อ่านว่า "เป-ตะ" จึงเป็นที่มาของเทศกาล เป-ตะ เฟสติวัล ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2557 เป็นเวลา 2 วัน ได้รับการตอบรับจากคนในชุมชนเป็นอย่างมาก จึงได้จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 โดยขยายการจัดการเป็น 15 วัน ในปีนี้จัดงานระหว่างวันที่ 8-22 ก.ย.2568

ซึ่งภายในงานจะมีการจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง สินค้าในชุมชนแล้ว ยังมีการจัดการประกวดแข่งขันขบวนแห่รับตายายจาก 13 ตำบล การจัดหมรับ การประกวดการทำขนมเดือนสิบที่สำคัญ 5 อย่าง ขนมบ้า ขนมดีซำ ขนมกง ขนมพอง และขนมลา การจัดแสดงมโหรสพ หนังตะลุง มโนราห์ การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประเพณีสารทเดือนสิบ และเรื่องราวเปรตทั้ง 12 ตระกูล 21 จำพวก รวมถึงการเปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนได้อนุรักษ์สืบสานประเพณี โดยการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งใต้ การเล่าเรื่องเดือนสิบด้วยภาษาใต้ การประกวดวาดภาพประเพณีสารทเดือนสิบ เป็นต้น

มณฑา นาคศิริ
มณฑา นาคศิริ
ตลาดวัฒนธรรมทั้งตลาดชุมทางทุ่งสง และ ตลาดยิบ กลายเป็นแหล่งสร้างสีสันและรายได้ให้กับคนในชุมชนอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในแม่ค้าอย่าง มณฑา นาคศิริ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่มีการจัดตลาดวัฒนธรรม ชุมชนก็คึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยตนขายกระเพาะปลาที่ตลาดชุมทางทุ่งสง มีรายได้เฉลี่ยวันละ 8,000 - 12,000 บาท ส่วนที่ตลาดยิบ ขายข้าวผัดปู ทำรายได้วันละประมาณ 8,000 บาท ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่

"เพราะลูกค้าหลักคือคนในชุมชน เราจึงต้องใส่ใจเรื่องคุณภาพของอาหารให้ดีที่สุด เป็นการใช้คนท้องถิ่นช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างแท้จริง"

นิชาภา หวังวณิชชากร
นิชาภา หวังวณิชชากร
ขณะเดียวกัน นิชาภา หวังวณิชชากร หรือ พี่กุ้ง เจ้าของร้านอาหารจีนเก่าแก่ย่งฮง เล่าว่า ร้านสืบทอดสูตรอาหารจีนจากบรรพบุรุษมานานกว่า 80 ปี โดยปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 3 ที่ยังคงรักษารสชาติต้นตำรับไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
อากงของพี่กุ้งเคยเป็นพ่อครัวในเรือสำเภา สูตรอาหารของร้านจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะ นอกจากอาหารจีนแล้ว ยังมีอาหารไทยพื้นถิ่นของภาคใต้ ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั้งคนในทุ่งสงและนักท่องเที่ยว
พี่กุ้งยังกล่าวว่าตลาดวัฒนธรรมเป็นพื้นที่ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน และเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมท้องถิ่น ที่ผสมผสานความเก่าและใหม่ไว้อย่างลงตัว

สำหรับ โครงการวิจัย "การพัฒนาเมืองแห่งทุนวัฒนธรรมที่ยั่งยืน และเครือข่ายย่านวัฒนธรรมชุมชน ระยะที่ 2" เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ โดยกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วม ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาสังคม เครือข่ายผู้จัดการวัฒนธรรมชุมชน ภาคเอกชน ชุมชนและสถาบันวิชาการที่อยู่ในพื้นที่ เพื่อพัฒนาเมืองผ่านการจัดการทางวัฒนธรรมชุมชนและเครือข่ายเมืองวัฒนธรรม และการพัฒนาย่านวัฒนธรรมชุมชนผ่านการสื่อสารที่ทันสมัย เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่อย่างยั่งยืน
โดยส่งเสริมการยกระดับทุนในพื้นที่ ได้แก่ ทุนทางวัฒนธรรม ทุนทางสังคม ทุนมนุษย์ และทุนนิเวศวิทยา ผ่านกิจกรรม การมีส่วนร่วมในการฟื้นฟู การอนุรักษ์ การรักษาคุณค่า การสืบสานและการสร้างสรรค์มูลค่าของทุนเหล่านี้ ตลอดจนสร้างผู้ประกอบการทางวัฒนธรรม (Cultural Entrepreneur) และวิสาหกิจทางวัฒนธรรม (Cultural Enterprise) ในชุมชน แปลงทุนทางวัฒนธรรมสู่สินค้าและบริการเชิงวัฒนธรรมที่สอดคล้องกับระบบนิเวศ เพื่อเพิ่มศักยภาพและพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชน

การพัฒนาเมืองแห่งทุนวัฒนธรรมที่ยั่งยืน และเครือข่ายย่านวัฒนธรรมชุมชน เป็นแนวคิดใหม่ที่ใช้กรอบคิดการวิจัยและพัฒนาแบบองค์รวม (Holistic) โดยใช้การพัฒนาเชิงพื้นที่ย่าน กิจกรรมทางวัฒนธรรม ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐส่วนภูมิภาค ท้องถิ่น ภาคเอกชนและกระบวนการภาคประชาสังคมของย่าน ในการขับเคลื่อนเมืองและเกิดการทำงานเป็นเครือข่ายในรูปหุ้นส่วนวัฒนธรรม หรือเป็นภาคีทางวัฒนธรรมที่ช่วยกันขับเคลื่อนเมือง
ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เปิดเผยว่า บพท. เล็งเห็นถึงศักยภาพและคุณค่าของทุนทางวัฒนธรรมในพื้นที่ อ.ทุ่งสง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาชุมชนและการสร้างเศรษฐกิจฐานราก เพื่อผลักดันให้ เทศกาลนี้เป็นเวทีแสดงพลังของวัฒนธรรมชุมชน เชื่อมโยงเศรษฐกิจและสังคม และสร้าง โอกาสในการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ภาพ : เทศบาลเมืองทุ่งสง
ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ภาพ : เทศบาลเมืองทุ่งสง
ทั้งนี้ผลลัพธ์จากการดำเนินงานวิจัยในพื้นที่ อ.ทุ่งสงตั้งแต่ปี 2561 สะท้อนให้เห็น ถึงพลังของวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม โดยสามารถสร้าง มูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 293.35 ล้านบาท และมีผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) สูง ถึง 7.10 เท่า จากการจัดกิจกรรมตลาดวัฒนธรรมกว่า 367 ครั้ง
"ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแนวคิดตลาดวัฒนธรรม ที่เปิดพื้นที่ให้ชุมชนได้ถ่ายทอดวิถีชีวิต ภูมิปัญญา และอัตลักษณ์ วัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างเต็มที่ ก่อให้เกิดการเชื่อมโยงทุนทางวัฒนธรรมกับเศรษฐกิจ สร้างสรรค์ และสร้างรายได้หมุนเวียนในทุกระดับทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ"
อ่านข่าว :
ถอดรหัส "เปรต" ความเชื่อสารทเดือนสิบ ใช้ทุกข์สอนธรรมให้มนุษย์