วันนี้ (1 เม.ย.2568) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการตรวจสอบสาเหตุของอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างถล่มในเขตจตุจักรว่า ทุกกระทรวงได้พูดคุยในเรื่องดังกล่าวก่อนเริ่มประชุม ครม. โดยมีข้อเสนอและความรับผิดชอบต่างกัน แต่ทุกกระทรวงได้รับเรื่องต่าง ๆ ไปพิจารณา เพื่อหาข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุดพร้อมมอบหมายให้แต่ละกระทรวงไปพูดคุยเรื่องเทคโนโลยีในประเทศที่ประสบแผ่นดินไหวอยู่บ่อย ทั้งญี่ปุ่น หรือประเทศในยุโรป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนบริษัทที่ก่อสร้างตึกสตง.ซึ่งมีรายงานว่ารับก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและคมนาคมด้วย สั่งการให้เร่งตรวจสอบโครงการที่เกี่ยว ข้องเชิงลึกว่า ทำโครงการไหนบ้าง เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ไม่ปลอดภัยเพิ่มขึ้นทั้งนี้ได้สั่งการ ครม.ไปแล้วว่าให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ
อ่านข่าว สพฐ.เคาะวันสอบเข้า ม.1 ม.4 ใหม่ 5-6 เม.ย.นี้

ทีมกู้ภัยเร่งค้นหาผู้สูญหายจากตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว
ทีมกู้ภัยเร่งค้นหาผู้สูญหายจากตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว
ดีเอสไอรับลูกสอบปมตึก สตง.ถล่ม
สำหรับเรื่องตรวจสอบเหล็กเส้นที่ใช้ไม่ได้มาตรฐาน ของกระทรวงอุตสาหกรรม นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะต้องตรวจสอบเชิงลึกอย่างแน่นอน เพราะอาจมีเหล็กเส้นกระจายไปยังโครงการอื่น ๆ เป็นเรื่องของความปลอดภัย หากพบเจอว่าชิ้นส่วนเหล็กที่เอามาทำตึก วัสดุต่าง ๆ กระจายไปโครงการอื่นด้วยก็ต้องแจ้ง จะต้องจริงจัง
ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นกับตึกเดียว แต่เป็นภาพพจน์ของไทย จะต้องตอบเรื่องนี้ให้ได้ว่า เกิดอะไร ขอเวลาให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาข้อเท็จจริง นำคำตอบมาชี้แจงต่อพี่น้องประชาชนและโลกรับรู้
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคดีตึกถล่มว่า ตอนนี้คดีอยู่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แล้ว ในส่วนของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนที่อาจจะไม่เชื่อมั่น ตัวเอง และรมว.ต่างประเทศ และรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เร่งสื่อสารให้เข้าใจว่าเป็นความผิดพลาดในตึกเดียว แต่ทุกตึกใน กทม.ต้องผ่านมาตรฐานตามกฎหมาย
ทั้งการรองรับการเกิดแผ่นดินไหวมีขั้นตอน และมาตรฐานอยู่แล้ว ส่วนตึกสตง.กำลังสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุ จะต้องช่วยกันสื่อสารข้อความเพื่อสร้างการรับรู้
จะมีการตรวจสอบบริษัทข้ามชาติอย่างเข้มงวดมากขึ้น รวมถึงทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างตึก ต้องคำนึงความปลอดภัยต้องมาเป็นหลัก
อ่านข่าว 150 ปี สตง. ผู้พิทักษ์เงินแผ่นดิน เผชิญวิกฤตโปร่งใสตึกใหม่พังถล่ม

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตรวจตึกสตง.ถล่ม
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตรวจตึกสตง.ถล่ม
ขณะที่ทุนข้ามชาติที่เข้ามาในไทย และจ้างงานคนต่างด้าวนั้น ต้องไปดูการลงทะเบียนของชาวต่างด้าวว่าถูกกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ ในความเป็นจริงทุกไซต์งาน ไม่ได้มีแค่ชาติใดชาติหนึ่งจะพยายามดูให้ดี เพื่อไม่ให้คนไทยเสียโอกาส
สำหรับประเด็นทุนจีน นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ในการสร้างบริษัท เริ่มแรกเป็นการร่วมมือระหว่างบริษัทไทยกับบริษัทจีน จึงต้องมีการสืบสวนสอบสวน ไม่ใช่เป็นเรื่องบุคคล จะต้องดูตามสัญญาว่าบริษัทใดคุยกัน ไม่เกี่ยวกับเรื่องสัญชาติ เราจะตรวจสอบไม่ว่าเป็นประเทศใด ไม่ใช่จะไปโฟกัสความผิด
อ่านข่าว "ระบบเตือนภัย" ไม่ทันภัยพิบัติ ใช้ SMS รอ Cell Broadcast
8 ข้อสั่งการกลางวง ครม.ปมตึกถล่ม
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุม ครม.นายกรัฐมนตรี ขอบคุณจากใจในทุกภาคส่วนถึงความเสียสละของทุก ๆ ท่านที่ร่วมมือกันจนสถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว
แต่เพื่อเป็นการป้องกัน การเตรียมรับมือและมีมาตรการที่ชัดเจนในการรับมือ อุบัติภัย ภัยพิบัติทางธรรมชาติต่าง ๆ ทุกประเภท ทั้ง อุทกภัย สึนามิ ไฟป่า รวมถึงแผ่นดินไหว โดยขอสั่งการดังต่อไปนี้

กระทรวงมหาดไทย
ให้ดำเนินการจัดทำแผน และมาตรการในการป้องกันภัยพิบัติต่าง ๆโดยมีการแบ่งหน้าที่ และขั้นตอนต่าง ๆ อย่างชัดเจน (Flowchart) เพื่อให้เกิดความเข้าใจกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับมาเสนอภายในสิ้นเดือนนี้ และขอให้ทางกรมป้อง กันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) หามาตรการในการประสานงานกับทางกระ ทรวง DE กรมอุตุนิยมวิทยา และกสทช.ในการส่งข้อความเตือนภัย ที่ชัดเจน และรวดเร็วมากขึ้นให้มีการใช้ระบบ Virtual cell broadcast กับอุปกรณ์โทรศัพท์ทุกรูปแบบ
ทั้งนี้ ระหว่างการรอระบบ Cell broadcast ที่จะเสร็จสมบูรณ์ในเดือน ก.ค.นี้ ให้ระบบสื่อสารเตือนภัยมีประสิทธิภาพสูงสุด ในการเตือนภัยแก่สาธารณชนในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งจากภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว น้ำท่วม ดินถล่ม อุบัติเหตุ อุบัติภัยต่าง ๆ เช่น ไฟไหม้ อุบัติเหตุบนท้องถนน
แม้กระทั่งการรุกรานจาก cyber crime โดยให้ศึกษาในประเทศต่าง ๆ ที่มีบทเรียนที่ดีในเรื่องภัยพิบัติต่าง ๆ และให้ทางกรมโยธาธิการฯ เร่งออกมาตรการ ข้อกำหนดในการตรวจสอบอาคารสูงทุกอาคาร เพื่อให้ได้มาตรฐาน
โดยร่วมมือกับทาง กทม.และสมาคมที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญ และ ควรจะกำหนดเกณฑ์มาตรฐานและออกใบรับรองมาตรฐานอาคาร เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับประชาชนและนักท่องเที่ยว

ทยอยขนซากปูนอาคารสตง.ถล่มเพื่อค้นหาผู้สูญหาย
ทยอยขนซากปูนอาคารสตง.ถล่มเพื่อค้นหาผู้สูญหาย
กระทรวงการต่างประเทศ
เร่งปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศ ที่มีความพร้อมในระบบเตือนภัย เช่น ญี่ปุ่น ยุโรป นิวซีแลนด์ และ อิสราเอล โดยประสานผ่านสถานทูต เพื่อเชิญมาประชุมกับผู้ที่เกี่ยวข้องของประเทศไทย เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับประเทศไทยให้เร็วที่สุด
กระทรวงสาธารณสุข
วางแผนในการเตรียมการรับมือทั้งแพทย์ฉุกเฉิน เตียงสนามให้เพียงพอ รวมถึงจิตแพทย์ที่จะดูแลฟื้นฟูผู้ที่รับผลกระทบ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
สั่งการให้ เร่งสื่อสารกับนักท่องเที่ยว หรือชาวต่างชาติที่มาทำงานในประเทศไทย ให้ได้รับข้อความเตือนภัย และแผนรับมือกับเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ระดมนักวิชาการทางด้านธรณีวิทยา เพื่อรวบรวมข้อมูลและจัดทำข้อเสนอแนะในมาตรการรับมือที่ถูกต้อง และป้องกันภัยได้อย่างรัดกุมที่สุดรวมถึงการตรวจระบบอุปกรณ์เตือนภัยต่าง ๆ ที่เคยมีอยู่ ให้สามารถใช้งานได้อย่างปกติ เช่น ระบบเตือนภัยสึนามิ ตลอดจนการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้มากยิ่งขึ้น
กระทรวงศึกษาธิการ
เร่งเพิ่มเติมหลักสูตร และแผนการรับมือภัยธรรมชาติ ในทุกรูปแบบให้กับนักเรียน นักศึกษาทุกระดับ
กระทรวงคมนาคม
เร่งตรวจสอบเส้นทางคมนาคม ทุกมิติให้มีความพร้อมในการให้บริการกับประชา ชน รวมถึงตรวจสอบงานก่อสร้างขนาดใหญ่ให้ได้มาตรฐาน สามารถรองรับภัยธรรมชาติต่าง ๆ ได้
สำนักนายกรัฐมนตรี
ให้สำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมมือกับ ปภ. เร่งสรุปมาตรการในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวโดยเร็ว ตามที่กฎหมายกำหนด และให้กรมประชาสัมพันธ์ เป็นศูนย์กลางในการกระจายข่าวสารที่ถูกต้อง อย่างทั่วถึง
รวมทั้งกระจายไปยังช่องทางต่างๆ ให้ครบถ้วนทั้งสถานีวิทยุ โทรทัศน์ และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Facebook หรือ LINE รวมทั้งให้ประสานขอความร่วมมือกับ เอกชน ที่มีป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ที่สามาารถขึ้นภาพได้ทันที เพื่อให้เกิดการประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึง
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้คณะกรรมการสืบหาต้นเหตุของตึกก่อสร้าง สตง.ถล่มในครั้งนี้ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รมวมหาดไทย เป็นประธานให้เร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน หากมีความผิดต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป
อาคารก่อสร้างถล่มครั้งนี้ ต้องหาสาเหตุ และหาผู้รับผิดชอบให้ได้ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะอยู่ยาก ต้องมีผู้รับผิดชอบ เพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาว
นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามในแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้รายงานต่อ ครม.ว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับเป็นคดีพิเศษ เพื่อติดตามตรวจสอบการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่พบว่ามีนอมินี มากถึง 17 บริษัท
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ ตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวรับงานส่วนราชการไปทั้งหมด 11 งาน 10 งานอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ส่วนงานที่แล้วเสร็จเป็นอาคารเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่ง จะเข้าดำเนินการตรวจสอบต่อไป