วันนี้ (25 มี.ค.2568) อาคารรัฐสภา เกียกกาย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรราคาตกอย่างเร่งด่วน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์
นายพิชัย ระบุว่า การส่งออกของไทยปี 67 โต 5.4% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ มูลค่ากว่า 10 ล้านล้านบาท ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ขยายตัวถึง 14% และในช่วง 5 เดือนแรกของรัฐบาลปัจจุบัน การส่งออกขยายตัวต่อเนื่องเฉลี่ย 11.8% เป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจที่ถูกทิศทาง
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติยังให้ความเชื่อมั่นในรัฐบาลไทย โดยปี 2567 มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศถึง 1.13 ล้านล้านบาท และหลายโครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในกลางปีนี้ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม PCB เซมิคอนดัคเตอร์ AI Data Center และธุรกิจอนาคตที่จะเป็นโครงสร้างสำคัญของประเทศ

เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวและเดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง ทั้งจากการส่งออกที่ขยายตัว การลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นรูปธรรม พร้อมเชื่อมั่นว่าหากสามารถแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนได้ เศรษฐกิจไทยจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
นายพิชัย กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับหลายประเทศ โดยการเจรจากับสหภาพยุโรป (EU) คาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ นอกจากนี้ ไทยยังจะได้ลงนาม FTA กับภูฏาน ซึ่งเตรียมลงนามอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 เม.ย. หลังความสำเร็จ FTA กับเอฟตา ซึ่งเป็นเอฟทีเอฉบับแรกของไทยกับประเทศในยุโรป

หลังนายกฯมาดำรงตำแหน่งเพียง 3 เดือน และกำลังเร่งเจรจา FTA กับแคนาดา เกาหลีใต้ และยูเออี เพื่อขยายโอกาสทางการค้าของไทยให้มากขึ้น
สำหรับปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ นายพิชัย ย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้เพิกเฉย และได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แม้ราคาตลาดโลกจะลดลง 37% แต่ไทยสามารถรักษาราคาเฉลี่ยในปี 2568 ไว้ที่ 9.90 บาท/กก. สูงกว่าปี 62-64 ที่ 8.57 บาท/กก.
พร้อมควบคุมการนำเข้าให้มีใบรับรองว่าไม่มีการเผาก่อนเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของฝุ่น PM2.5
มันสำปะหลัง ปัญหาหลักเกิดจากจีนชะลอการนำเข้าเนื่องจากราคาต้นทุนสูง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสามารถผลักดันให้จีนกลับมาซื้อได้แล้วกว่า 8.71 ล้านตัน และยังส่งเสริมการใช้มันสำปะหลังในประเทศเพื่อเพิ่มความต้องการ

ส่วนสถานการณ์ ข้าว ขณะนี้ราคาข้าวหอมมะลิเพิ่มขึ้น 1,300 บาทต่อตันจากปีก่อน แต่ข้าวนาปรังได้รับผลกระทบจากการกลับมาส่งออกของอินเดีย รัฐบาลจึงเร่งช่วยเหลือเกษตรกร โดยให้เงินสนับสนุน 1,000 บาท/ไร่ ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่
และจะเปิดเสรีการส่งออกข้าว ทลายทุนผูกขาดข้าว ผ่านมาตรการลดสต๊อกในการส่งออกที่ดำเนินการแล้ว และลดค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตให้ผู้ประกอบการส่งออกข่าว ซึ่งกำลังรอเข้า ครม. ในเดือน เม.ย.นี้ สำหรับข้าวนาปี ยังมีแผนลดต้นทุนการผลิต ปุ๋ยเคมีและยาปราบศัตรูพืชในราคาพิเศษ

สำหรับ ผลไม้ ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ออกมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2568 รวม 7 มาตรการ 25 แผนงาน ที่ครอบคลุมผลไม้หลักทุกชนิด เป้าหมาย 9.5 แสนตัน เพื่อให้ผลไม้ราคาดีทั้งปี
นายพิชัย ยังเผยว่า รัฐบาลมีมาตรการเข้มงวดในการปราบปรามสินค้าด้อยคุณภาพจากต่างประเทศที่ไม่ได้มาตรฐานและกวาดล้างธุรกิจนอมินี หลังดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้น สินค้าด้อยคุณภาพจากต่างประเทศที่ทะลักเข้าแพลตฟอร์มออนไลน์ สามารถดำเนินคดีไปแล้วกว่า 24,626 คดี รวมมูลค่าความเสียหาย 1,257 ล้านบาท และสามารถเก็บ VAT ได้ 1,500 ล้านบาท และสามารถกวาดล้างธุรกิจนอมินีได้ถึง 851 ราย มูลค่าความเสียหาย 15,121 ล้านบาท
อ่านข่าว:
"ทุเรียน" ยังครองแชมป์ส่งออก 2 เดือนนำรายได้เข้าไทยกว่า 4 พันล้านบาท
“พิชัย” โต้ “สส.ปชน.” ยันเข้มปลอดเผา ใช้ยาแรง 4 มาตรการแก้ฝุ่น