วันนี้ ( 23 มี.ค.2568) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานและแก้ปัญหาธุรกิจนอมินี ที่ทำให้ผู้ประกอบการ SME ของไทยเสียเปรียบ
ที่ผ่านมาได้ตั้งคณะอนุกรรมการฯ ขึ้นมา 2 ชุด เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยมีนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เป็นประธานอนุกรรมการฯ

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์
สำหรับคณะกวาดล้างนอมินี-คุมเข้มนำเข้าสินค้าคุณภาพต่ำ ที่จัดตั้งขึ้น โดยมี ร.ต.จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะทำงาน พร้อมด้วยผู้แทนจาก 16 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมศุลกากร กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ร้านค้าสินค้านำเข้าจากจีน
ร้านค้าสินค้านำเข้าจากจีน
โดยคณะทำงานนี้จะมีหน้าที่กำกับดูแล เร่งรัด และติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตาม กฎหมาย พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการสืบสวน สอบสวน และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
การดำเนินงานจะมีการบูรณาการการบังคับใช้กฎหมายในทุกมิติ ตั้งแต่การตรวจสอบ สืบสวน ดำเนินคดี ยึดอายัดทรัพย์สิน ไปจนถึงมาตรการทางภาษี เพื่อให้สามารถทำลายวงจรธุรกิจผิดกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า 5 ธุรกิจเป้าหมายที่กรมฯ ให้ความสำคัญเป็นพิเศษที่การตรวจสอบนอมินี ประกอบด้วย ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้อง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการให้เช่าที่ดิน ธุรกิจขนส่งทางบก ธุรกิจโกดังสินค้าและโลจิสติกส์ และ ธุรกิจซื้อที่ดินเพื่อการเกษตร
มีรายงานว่า กำลังมีการขยายตัวของธุรกิจที่เข้าข่าย เป็นนอมินีในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคตะวันออก เช่น ระยองและจันทบุรี ที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนเพื่อปลูกทุเรียนเพื่อนำส่งออกต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม การปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมายและสินค้าด้อยคุณภาพ ถือเป็นวาระสำคัญของรัฐบาล เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยให้เศรษฐกิจของไทยเข้มแข็งขึ้น ยังช่วยให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมสำหรับผู้ประกอบการ SME ของไทย
ยืนยันว่า การดำเนินงานครั้งนี้ จะเป็นมาตรการที่ต่อเนื่องและเข้มข้นขึ้น โดยหวังว่าจะสามารถจัดการปัญหาดังกล่าวได้อย่างเป็นรูปธรรม และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและประชาชนในระยะยาว
ที่ผ่านมา กรมศุลกากรสามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากสินค้านำเข้าราคาต่ำกว่า 1,500 บาท ได้สูงถึง 1,500 ล้านบาท และดำเนินคดีสินค้าผิดกฎหมายไปแล้ว 24,626 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 1,257.24 ล้านบาท สามารถลดการนำเข้าสินค้าผ่าน e-Commerce ลง 8% หรือเฉลี่ยเดือนละ 3,645 ล้านบาท และสามารถกวาดล้างธุรกิจนอมินีไปแล้ว 851 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 15,121 ล้านบาท
อ่านข่าว:
“สวนดุสิตโพล” ระบุคนเห็นด้วยซื้อหนี้ แต่หวั่นทำไร้วินัยการเงิน-ความโปร่งใสของโครงการ
พม.ช่วยหญิงชราอดีตครูสอนภาษาอังกฤษ อาศัยนอนย่านหัวลำโพง
เลขาฯ ป.ป.ช.เผย คดีชั้น 14 ล่าช้า เหตุรอข้อมูลจากหน่วยงานอื่น