ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ตลาดไม้ดอกไม้ประดับบูม แนะเกษตรกรไทยรุก ชูไทยเมืองกสิกรรม

เศรษฐกิจ
20 มี.ค. 68
17:22
75
Logo Thai PBS
ตลาดไม้ดอกไม้ประดับบูม แนะเกษตรกรไทยรุก ชูไทยเมืองกสิกรรม
กรมพัฒน์ฯ แนะเกษตรกรไทย รุก ธุรกิจไม้ดอก ไม้ประดับ และไม้ยืนต้น สร้างรายได้เกือบแสนล้านต่อปี ชี้ กล้วยไม้ ขึ้นแท่นส่งออกเบอร์ 1 ของโลกชูไทยเมืองกสิกรรม ขยับเกษตรกรไทยสู่ Farmer Business

วันนี้ (20 มี.ค.2568) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า กรมฯ ได้วิเคราะห์ธุรกิจดาวเด่นที่กำลังมาแรงพบว่า ธุรกิจไม้ดอก ไม้ประดับ และไม้ยืนต้น เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างโอกาสให้คนไทย และเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากไทยมีภูมิประเทศที่เป็นทำเลทอง มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งพื้นดิน อากาศที่อบอุ่นถึงร้อนชื้นเหมาะกับการเติบโตของต้นไม้ และมีแหล่งน้ำที่เหมาะสมกับการทำกสิกรรมหรือเพาะปลูกที่เป็นปัจจัยสำคัญให้ต้นไม้งอกงามเจริญเติบโตได้ดี

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

ประกอบกับคนไทยส่วนใหญ่มีทักษะในการเพาะปลูกเป็นทุนเดิมทำให้สามารถต่อยอดไปสู่การสร้างรายได้จากธุรกิจได้โดยง่าย สอดรับกับข้อมูลของสำนักงานสถิติที่พบว่า ไทยมีผู้ทำการเกษตรจำนวน 8.6 ล้านราย บนพื้นที่ 141 ล้านไร่ จำนวนนี้เป็นเกษตรกรที่ปลูกพืชผัก สมุนไพรและไม้ดอกไม้ประดับจำนวน 202,801 ราย ในพื้นที่กว่า 7 แสนไร่

จากข้อมูลนิติบุคคลในธุรกิจไม้ดอก ไม้ประดับ และไม้ยืนต้น (วันที่ 28 ก.พ. 2568) พบว่า มีธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลมีจำนวน 2,993 ราย แบ่งเป็นกลุ่มผลิต 383 ราย และกลุ่มขาย 2,610 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 17,670 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก 2,727 ราย รองลงมาเป็นธุรกิจขนาดกลาง 208 ราย และเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ 58 ราย

สำหรับธุรกิจไม้ดอก ไม้ประดับ และไม้ยืนต้น แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผลิต เช่น การทำสวนไม้ประดับ, การปลูกพืช เพาะพันธุ์ และขยายพันธุ์พืชอื่นๆ, ปลูกกล้วยไม้ และปลูกไม้ดอกอื่นๆ และ กลุ่มขาย เช่น ขายส่งดอกไม้ต้นไม้และเมล็ดพันธุ์พืช และร้านขายปลีกดอกไม้ต้นไม้และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยข้อมูลผลประกอบการปี 2566 พบว่าสร้างรายได้รวมทั้งสิ้น 91,501 ล้านบาท กลุ่มขายสร้างรายได้สูงถึง 87,376 ล้านบาท และกำไร 2,473 ล้านบาท

ขณะที่กลุ่มผลิตสร้างรายได้ 4,125 ล้านบาท และขาดทุน -54.69 ล้านบาท โดยอนาคตคาดว่าผลประกอบการยังเติบโตต่อเนื่องเพราะรัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม เน้นสร้างความแข็งแกร่งของเกษตรกร พร้อมเปิดตลาดผลไม้ดอกไม้ประดับของไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก

ไทยมีศักยภาพสูงในการผลิตและส่งออกไม้ดอกไม้ประดับและพันธุ์ไม้ ในปี 2566 สร้างมูลค่า การส่งออกกว่า 4,548 ล้านบาท และในปี 2567 สร้างมูลค่าส่งออกกว่า 4,777 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 9,325 ล้านบาท

โดยส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา เวียดนาม และญี่ปุ่น และสินค้าที่สร้างมูลค่าเกินกว่าครึ่งของการส่งออกไม้ดอกฯ คือ กล้วยไม้ไทย ที่เป็นแชมป์อันดับ 1 ของโลกมาโดยตลอด ในปี 2566 สร้างมูลค่า 2,679 ล้านบาท และปี 2567 สร้างมูลค่ากว่า 2,755 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 5,434 ล้านบาท ตลาดหลักในการส่งออก คือ จีน ญี่ปุ่น และมาเลเซีย

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวอีกว่า ความน่าสนใจในธุรกิจไม้ดอกไม้ประดับ และไม้ยืนต้นของไทย คือ การเชื่อมโยงเกษตรกรไทยให้เข้ากับเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร เปลี่ยนเกษตรกรแบบเดิมให้เป็น Farmer Business

และทำเกษตรอัจฉริยะ หรือ Smart Farming ซึ่งเทคโนโลยีจะช่วยลดต้นทุนการผลิต ลดการใช้แรงงาน เพิ่มคุณภาพมาตรฐานให้สินค้า บริหารจัดการความเสี่ยงต่างๆ ที่แม่นยำมากยิ่งขึ้นอย่างการพยากรณ์ลม ฟ้า อากาศ หรือการปรับปรุงคุณภาพดินให้เหมาะสมกับพืชที่จะปลูก ซึ่งปัจจัยทั้งหมดล้วนมีความสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตของธุรกิจนี้

ด้านเงินทุนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้ธุรกิจสามารถต่อยอดต่อไปได้ โดยโอกาสที่เกษตรกรต้องคว้าไว้คือ การปลูกต้นไม้เพื่อขายเป็นคาร์บอนเครดิต รวมถึงการนำต้นไม้ยืนต้นมาใช้เป็นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อจากสถาบันทางการเงิน นำไปใช้หมุนเวียนหรือขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก ที่มีมากขึ้นทุกปี

 อ่านข่าว:

 พนักงานรัฐ เกษตรกร พนง.เอกชน เป็นกลุ่มมีหนี้มากสุด “บ้าน-รถ”นำโด่ง

“ทรัมป์”ป่วน-เศรษฐกิจไม่ฟื้น กระทบจัดตั้งธุรกิจไทยวูบ 5.09%

ซื้อหนี้ประชาชน "กับดักความจน" คนไทย "สารพัดหนี้" รุมเร้า

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง