วันนี้ (8 ส.ค.2568) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เผยแพร่ข้อความบนแพลตฟอร์ม Truth Social ระบุว่า อยู่ระหว่างพิจารณาอย่างถี่ถ้วนที่จะขยายขอบเขตมาตรการคว่ำบาตร รวมถึงการเพิ่มกำแพงภาษีสินค้าต่อ "รัสเซีย" จนกว่ารัสเซียจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงและข้อตกลงสันติภาพขั้นสุดท้ายกับยูเครนได้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัสเซียและยูเครนกลับมาเจรจากันก่อนที่จะสายเกินไป
ผู้นำสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า การพิจารณาในครั้งนี้ มีขึ้นเนื่องจากรัสเซียยังเดินหน้าโจมตียูเครนอย่างหนัก โดยท่าทีของทรัมป์ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เนื่องจากนับตั้งแต่นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ทรัมป์มักกล่าวชื่นชม "วลาดิเมียร์ ปูติน" ผู้นำรัสเซีย และกล่าวโทษ "โวโลดีมีร์ เซเลนสกี" ผู้นำยูเครน ว่าเป็นฝ่ายไม่ต้องการบรรลุสันติภาพ
ขณะที่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ทรัมป์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ตนยังเชื่อมั่นในปูตินและมองว่าการเจรจากับยูเครนเพื่อยุติสงครามยุ่งยากกว่า เมื่อเทียบกับการเจรจากับรัสเซีย
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้มีขึ้นขณะที่ผู้นำยูเครน ออกมาเปิดเผยว่า รัสเซียโจมตีทางอากาศใส่ยูเครนด้วยขีปนาวุธและโดรนรวมกว่า 260 ลูก ในชั่วข้ามคืนของวันที่ 7 มี.ค.ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน รวมถึงพื้นที่ชุมชนได้รับความเสียหายอย่างหนัก และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 10 คน พร้อมประณามการกระทำดังกล่าวของรัสเซีย
นอกจากนี้ ผู้นำยูเครนยังแสดงความยินดีที่ยูเครนและเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หารือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุสันติภาพโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งแสดงความยินดีที่หลายประเทศยุโรป รวมถึงนอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์และฝรั่งเศส เพิ่มการสนับสนุนให้ยูเครน
ผู้นำยูเครนมีกำหนดเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ โดยมีแผนจะเข้าเฝ้าฯ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งซาอุดีอาระเบีย ขณะที่คณะผู้เจรจาของยูเครนจะอยู่หารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการยุติสงครามยูเครนต่อในวันที่ 11 มี.ค.ตามเวลาท้องถิ่น
อ่านข่าว
Air Show ทอ. 88 ปี วันสุดท้ายจัดเต็มหมู่บินชาติพันธมิตร