ตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เข้าตรวจสอบบริษัทนำเที่ยวย่าน ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา หลังพบบุคคลนำทัวร์มีพฤติกรรมต้องสงสัยที่ท่าอากาศยานจังหวัดเชียงใหม่
จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้ มีชาวสิงคโปร์ถือหุ้น 49 % แต่ถูกนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว การให้บริการลูกค้าจึงมีความผิดฐาน "ประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับใบอนุญาต”
ล่าสุดตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่กำลังตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าเข้าข่ายกรณีต่างชาติเป็นเจ้าของผ่านนอมีนี หรือไม่

ล่าสุดสื่อสังคมออนไลน์ มีการส่งต่อภาพกลุ่มคนลักษณะคล้ายชาวจีน ชูป้ายรับนักท่องเที่ยวที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ อ้างว่า มารับเพื่อนเพื่อพาเที่ยว แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงมีการรับเพื่อนทุกวัน และคนกลุ่มนี้เป็นมัคคุเทศก์เถื่อนหรือไม่ ทั้งที่มัคคุเทศก์ คือ 1 ในอาชีพสงวนของคนไทย

พ.ต.ท.มกรา ศรีสกุลพิสุทธิ์ สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาจับกุมบริษัททัวร์ผิดกฎหมายได้ 3-4 แห่ง รวมทั้งมัคคุเทศก์ที่กระทำผิด เดือนละกว่า 60-70 ราย โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ที่ลักลอบทำงานเป็นมัคคุเทศก์ไปรอรับนักท่องเที่ยว โดยอ้างว่าเป็นญาติ หรือ เพื่อน และนำไปท่องเที่ยวตามจุดต่างๆ
ซึ่งนอกจากเป็นการทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และแย่งอาชีพคนไทยแล้ว ยังกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว เพราะการนำเที่ยวลักษณะนี้จะไม่มีการทำประกันภัยให้แก่นักท่องเที่ยว หากเกิดอุบัติเหตุรุนแรง นักท่องเที่ยวก็จะไม่ได้รับการดูแล หรือเยียวยา
ทั้งนี้ยอมรับว่า ในการตรวจสอบจับกุม มีความยากพอสมควร เพราะการอ้างว่านักท่องเที่ยว เป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือ เพื่อน พิสูจน์ได้ยาก ต่างจากคดีอาญาที่มีการกระทำความผิดชัดเจน ที่ผ่านมาตำรวจท่องเที่ยวจึงต้องใช้วิธีทำประวัติบุคคลต้องสงสัย และสืบสวนหาข่าวเพิ่มเติม

พ.ต.ท.มกรา ศรีสกุลพิสุทธิ์ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่
พ.ต.ท.มกรา ศรีสกุลพิสุทธิ์ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่
สิ่งที่ตำรวจทำคือ นำตัวมาตรวจสอบแล้วจัดทำประวัติไว้ จากนั้นจึงตรวจสอบในเชิงลึกอีกครั้งว่า เวลาไปร้านอาหาร บุคคลคนนี้เป็นคนจ่ายเงินให้นักท่องเที่ยวทั้งหมดในกลุ่มหรือไม่ หากตรวจสอบพบว่า 2-3 ร้าน ผู้ต้องสงสัยเป็นผู้จ่ายเงินทั้งหมด ก็ถือว่าเข้าข่ายการเป็นไกด์เถื่อน ตำรวจก็จะเริ่มดำเนินการตามกฎหมาย ทำให้ขั้นตอนค่อนข้างซับซ้อน กว่าคดีอาญาทั่วไป
นายสีหเดช เจียเจษฎา รองประธานสมาพันธุ์มัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทยภาคเหนือ บอกว่า ปัญหามัคคุเทศก์เถื่อนยังคงเกิดขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มไกด์ชาวจีน
ขณะที่การตรวจสอบของตำรวจ ยังมีข้อจำกัด จึงเสนอให้มีหน่วยงานอื่นๆ ร่วมบูรณาการตรวจสอบ โดยเฉพาะสำนักงานแรงงานจังหวัด และตรวจคนเข้าเมือง ควรมาร่วมกันช่วยกันตรวจสอบ เพราะการทำทัวร์เถื่อนไม่ได้กระทบเฉพาะผู้ประกอบการที่ทำถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังมีผลด้านความมั่นคงอื่นๆด้วย
ผมเคยพบคณะนักท่องเที่ยวประมาณ 60 คน มีคนจีนมารอรับถือป้ายข้อความ และ นำขึ้นรถตู้ไป เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถตั้งข้อหาการเป็นผู้นำเที่ยวโดยไม่ถูกต้อง เพราะว่ายังไม่เข้าข่าย เนื่องจากเขามักจะอ้างว่ามารับเพื่อน คำถามคือทำไมต้องถือป้าย และรับแล้วเขาพาไปทำอะไร

สีหเดช เจียเจษฎา รองประธานสมาพันธุ์มัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทยภาคเหนือ
สีหเดช เจียเจษฎา รองประธานสมาพันธุ์มัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทยภาคเหนือ
สอดคล้องกับความเห็นของ นางพิกุล เรืองไชย นายกสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ ระบุว่า ปัญหามัคคุเทศก์ต่างชาติ แย่งงานมัคคุเทศก์ไทย ยังคงมีอยู่ ไม่เฉพาะกลุ่มชาวจีน แต่ยังมีมัคคุเทศก์เกาหลีใต้ ที่เข้ามารับงาน รวมไปถึงบริษัทนำเที่ยวของชาวยุโรปที่มีข้อมูลว่า อาจไม่ได้จดทะเบียนเป็นบริษัทนำเที่ยวถูกกฎหมาย
อยากเรียกร้องให้ตำรวจท่องเที่ยว และนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์สาขาภาคเหนือ (เชียงใหม่) เข้ามาตรวจสอบ โดยเน้นการติดตามการทำงานของบริษัททัวร์ และ มัคคุเทศก์ ในแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ห่างไกลจากเขตเมือง เพราะถือเป็นพื้นที่ช่องว่างที่ยังไม่มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง

พิกุล เรืองไชย นายกสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม
พิกุล เรืองไชย นายกสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม
นายกสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ ยังเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เน้นการตรวจสอบไกด์ต่างชาติไกด์ เป็นพิเศษ ส่วนการตรวจสอบมัคคุเทศก์ไทย ก็ร้องขอให้เป็นไปด้วยความนุ่มนวล เพราะที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่บางส่วนจู่โจมตรวจสอบ จนสร้างความตกใจ และ กลายเป็นภาพลักษณ์ด้านลบสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
