แม้จะมีเหตุให้ "สภาล่ม" แต่ตลอด 3 ชั่วโมงของการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 13 ก.พ.2568 จะเห็นสมาชิกรัฐสภา ที่เปิดหน้าถกเถียงกันแสดงถึงเจตนาว่าจะ "ร่วมหรือไม่ร่วม" กับการพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญ ผ่านข้อสังเกต ทั้งที่เชื่อว่า พรรคร่วมรัฐบาล-หักเหลี่ยมทางการเมืองกัน และที่ชี้ว่า รัฐบาลกับรัฐสภา ต่างก็ไม่กล้าใช้อำนาจของตัวเอง
อ่านข่าว : สภาล่ม! โชว์ตัวแค่ 175 ไม่ครบองค์ประชุมปมแก้รัฐธรรมนูญ
วันนี้ (14 ก.พ.2568) หัวหน้าพรรคประชาชน คาดหวังให้สมาชิกรัฐสภาแสดงความกล้า เพื่อเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ท่ามกลางการจับตามองถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย รวมไปถึง สว.ค่ายสีน้ำเงิน จะเป็นเหตุให้ ร่างแก้รัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับจะถูก "ตีตก" และปิดฉากไทม์ไลน์การแก้รัฐธรรมนูญ ก่อนเลือกตั้ง ปี 2570 หรือไม่
แนวโน้มสูงมากถึงมากที่สุด สำหรับการ "ตีตก" ร่างแก้รัฐธรรมนูญ กรณีแก้มาตรา 256 เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามที่พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนเสนอ ภูมิใจไทยแพ็กรวมกับ สว.ส่วนใหญ่ หรือจะให้พูดง่ายๆ ว่า "สว.สายสีน้ำเงิน" ไม่ร่วมแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ ไม่เลื่อนญัตติด่วน กรณีขอมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยอำนาจของรัฐสภา
เอาจริงๆ ญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา กรณีขอมติรัฐสภาส่งศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยอำนาจรัฐสภา ในการแก้รัฐธรรมนูญ ทางหนึ่งมองได้ว่า นี่คือเพื่อความชัวร์ ในการเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ ที่จะไม่ให้สูญเปล่า แต่อีกทางหนึ่งก็มีข้อมูลกันว่า "เพื่อไทย" ต้องการซื้อเวลา จึงคอนเนกฯ ให้หมอเปรม ยื่นญัตติส่งศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเงื่อนไขของสถานการณ์การเมืองตอนนี้ อยู่ที่สมาชิกรัฐสภาไม่ได้เห็นพ้อง-ตรงกันและพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้เห็นด้วยที่ "เพื่อไทย" จับมือกับพรรคประชาชน เพื่อแก้รัฐธรรมนูญ ในแบบที่จะจัดทำฉบับใหม่ขึ้น
และเป็นที่มาของ "มติ" ไม่เห็นด้วยให้เลื่อนญัตติด่วน ขึ้นมาแทรกวาระการพิจารณาร่างแก้รัฐธรรมนูญวันนี้ด้วยเสียง 275 ต่อ 247 ซึ่งจากการถอดรายชื่อของการโหวต
"ไม่เห็นด้วย" 275 เสียง ตีความได้ทั้งเจตนา "จะปิดทาง ในแบบไม่เอาเลย-ไม่ให้แก้" หรือแม้จะทอดเวลาออกไป ก็ไม่ต้องการด้วย นั่นก็คือเสียงของ สว.136 เสียง ขณะที่อีก 139 เสียง คือ สส.พรรคประชาชนทั้งหมด
ส่วนที่ "เห็นด้วย" 247 เสียง นอกจาก สว.ในกลุ่มหมอเปรมที่เรียกตัวเองว่า "กลุ่มสีขาว" ที่จะบอกว่า ไม่เลือกข้างใด มีอยู่ 37 เสียง และที่เห็นด้วยเรียกว่าเห็นตรงกับหมอเปรมและพรรคเพื่อไทย และที่เกาะกลุ่มกันแน่นสุดคือ "รวมไทยสร้างชาติ-ประชาธิปัตย์-พลังประชารัฐ-ชาติไทยพัฒนา-ไทยสร้างไทย"
วันที่ 13 ก.พ.2568 ผลประกอบการ "ไม่สำเร็จ" แล้ว พาดหัวไปแล้ว "สว.สายสีน้ำเงินแพ็กรวมกับ สส.พรรคภูมิใจไทย" ไม่แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
สำหรับวันนี้ วันที่ 14 ก.พ.2568 ผลลัพธ์อาจจะรุนแรงกว่าวานนี้ พรรคประชาชน ดับเครื่องชน ปิดฉากการแก้รัฐธรรมนูญ กรณีแก้มาตรา 256 เพื่อจัดตั้ง สสร. ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ห้ามเสนอซ้ำในสมัยประชุมเดียวกัน จะเสนออีกทีก็ปี 2569
คาดการณ์ว่าพิจารณาร่างแก้รัฐธรรมนูญในวันที่ 14 ก.พ.อาจโดนตีตก แม้จะมีเสียง สส.ข้างมากในมือ ซึ่งมาจาก สส.ของทั้ง 2 พรรค (พรรคประชาชน 143 + พรรคเพื่อไทย 141 รวม 284 เสียง) แล้วจะควานหาอีก 62 เสียง จาก สส.พรรคร่วมรัฐบาล ที่ไม่ใช่ "ภูมิใจไทย" ให้ครบ "ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง" ตามกำหนดของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ที่จะผ่านเกณฑ์ "รับหลักการ" วาระแรกไปได้
แต่รัฐธรรมนูญ กำหนดไว้อีกว่า ในจำนวนนี้ต้องมีเสียงของ สว. "ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3" หรือ 67 เสียงด้วย หรือจะย้อนกลับไปดู ผลโหวตเลื่อนญัตติด่วนส่งศาลรัฐธรรมนูญ ก็เห็นอยู่ว่า มี สว.อยู่ 37 เสียงเท่านั้น
เอาเป็นว่าถ้าหา สว. 24 คนได้ พร้อมโหวต แต่ก็ยังไม่จบง่ายๆ ตามที่ประธานรัฐสภา อ้างอิงไว้ ถ้าผ่านรับหลักการ ตั้งกรรมาธิการฯ พิจารณาในรายละเอียดกัน ระหว่างนั้น ก็จะส่งให้ กกต.จัดทำประชามติ เพราะยังคงทำ 3 ครั้งและการเลือกตั้ง สสร.อีก
แต่ถ้า "มติตีตก" ตามข้อบังคับการประชุม ห้ามเสนอญัตติซ้ำในสมัยประชุมเดียวกัน ต้องรอสมัยหน้าประมาณกลางปี 2569 ซึ่งแม้วันนี้ จะมีภาพสะท้อนออกมาให้เห็นแล้ว พรุ่งนี้ผู้นำฝ่ายค้าน ตีกันไว้เลยค่ะ "รัฐบาลและรัฐสภา" ต้องกล้าที่จะใช้อำนาจของ
ถ้าไม่มองว่า "หักเหลี่ยมทางการเมือง" ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน การแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ น่าจะเป็นการหักเหลี่ยมกันในพรรคร่วมรัฐบาล ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย และภูมิใจไทย กับสว.ค่ายสีน้ำเงิน ก็น่าจะยังคงจุดยืนเดิม
และล่าสุดในเวลา 10.47 น.ของการพิจารณาวันที่ 2 เป็นเหตุให้ประธานรัฐสภาตั้งสั่งปิดการประชุมเนื่องจากไม่ครบองค์ประชุมมีเพียง 175 เสียง หลังเปิดการประชุมไปในเวลา 09.30 น.
อ่านข่าว :
เปิดผลโหวตไม่เลื่อนญัตติ “หมอเปรม” ขอส่ง ศร.ก่อนถกแก้ รธน.
รัฐสภาล่ม! ถกแก้รัฐธรรมนูญวันแรก มี 204 เสียง นัดอีก 14 ก.พ.