ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ผลวิจัยชี้ "ฝุ่นจิ๋ว" เพิ่มอัตราเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 8%

สังคม
31 ม.ค. 68
14:09
107
Logo Thai PBS
ผลวิจัยชี้ "ฝุ่นจิ๋ว" เพิ่มอัตราเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 8%
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สธ.เผยผลวิจัยฝุ่น PM 2.5 เพิ่มอัตราเสียชีวิตโรคมะเร็ง 8% โรคปอด 6% หัวใจ 4% เตือนเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งรับฝุ่นระลอกใหม่ถึง 3 ก.พ.นี้ ปภ.ช.งัดยาแรง "ห้ามเผา" กำชับหน่วยงานกำกับห้ามหย่อนยาน

วันนี้ (31 ม.ค.2568) สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กทม.และปริมณฑลที่กลับมาอีกระลอกในช่วงปลายสัปดาห์ถึง 3 ก.พ.นี้ ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.กทม.แจ้งผ่านข้อความเตือนฝุ่น PM2.5 มีสีแดง 1 เขตและสีส้ม 49 เขต เนื่องจากการระบายอากาศไม่ดี และสภาพอากาศปิดต่อเนื่องส่งผลให้ PM 2.5 ในกทม.ทั้ง 50 เขตที่มีมากกว่า 35.7 มคก.ต่อลบ.ม.เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุขด้านการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 กล่าวว่า ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) มีจังหวัดที่มีค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (37.6-75 มคก.ลบ.ม) เพิ่มขึ้นจาก 16 จังหวัดเป็น 31 จังหวัด 

คาดการณ์ว่าสัปดาห์หน้าฝุ่นจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระดับสีส้มทั้งกทม.-ปริมณฑล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก 

ขณะนี้มีการแจกหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง  234,498 ชิ้น และหน้ากากชนิด N95 จำนวน 41,182 ชิ้น

กระทรวงสาธารณสุข แถลงมาตรการด้านการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5

กระทรวงสาธารณสุข แถลงมาตรการด้านการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5

กระทรวงสาธารณสุข แถลงมาตรการด้านการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5

ด้านพญ.เปี่ยมลาภ แสงสายัณห์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ หัวหน้ากลุ่มงานอายุรศาสตร์ปอด สถาบันโรคทรวงอก กล่าวว่า ฝุ่น PM 2.5 มีขนาดที่เล็กมากจึงสามารถซึมผ่านเข้าสู่ปอดได้ง่าย ทำให้เกิดการอักเสบ และอักเสบเรื้อรังในปอด โดยอันตรายเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่สัมผัสฝุ่นไปจนถึง 7 วันหลังสัมผัส อาการที่พบบ่อยคือ เคืองตา เหนื่อยหอบ มีการกำเริบของโรคเดิม ไอ มีเสมหะ จาม และมีน้ำมูก

มีข้อมูลจากการศึกษาพบว่าฝุ่น PM2.5 ส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคปอดเพิ่มขึ้น 6% โรคมะเร็ง 8% ผู้ป่วยโรคหัวใจ 4%

ดังนั้นในช่วงที่มีค่าฝุ่นในระดับสีเหลือง หรือมากกว่า 25 มกค.ต่อลบ.ม. ขึ้นไป แนะนำให้สวมหน้ากาก N95 หรือหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ 2 ชั้น เลี่ยงกิจกรรมนอกบ้านเมื่ออากาศปิดหรือไม่มีลม โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง

จากข้อมูลการให้บริการคลินิกมลพิษออนไลน์ช่วงวันที่ 23-29 ม.ค.นี้ มีผู้ป่วยเข้ารับบริการ 1,564 คน ส่วนใหญ่มีอาการระบบทางเดินหายใจ รองลงมา คือ หู คอ จมูก ตา ผิวหนัง และระบบหัวใจและหลอดเลือด โดยผู้ป่วย 31.2% มีอาการรุนแรงคือแน่นหน้าอก หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด และเหนื่อยง่าย 

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) กล่าวว่า ที่ประชุมรายงานว่าตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 3 ก.พ.นี้ ประเทศไทยจะเผชิญกับอากาศปิดอีกระลอก ซึ่งจะส่งผลให้ค่าฝุ่น PM 2.5 ในหลายพื้นที่ของประเทศ อาจเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ที่ประชุม ปภ.ช.สั่งการให้ทุกหน่วยงานแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือการสั่งงดเผาโดยไม่มีข้อยกเว้น และยกระดับมาตรการต่าง ๆ แต่ในระยะเร่งด่วน ในพื้นที่ที่ค่าฝุ่นยังเกินมาตรฐานให้ป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนให้มากที่สุด

โดยได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข จัดเจ้าหน้าที่พร้อมทีมแพทย์เข้าดูแลประชาชน โดยเฉพาะ 5 กลุ่มเสี่ยง โดยสาธารณสุขได้รายงานว่า มีตัวเลข 178,000 คน แบ่งเป็นเด็กเล็ก 29,982 คน ผู้สูงอายุ 137,622 คน หญิงตั้งครรภ์ 2,305 คน ผู้มีโรคหัวใจ 3,857 คนผู้มีระบบทางเดินหายใจ 5,007 ราย

โดยกระทรวงสาธารณสุข จัดทีมพิเศษฉุกเฉินสุขภาพ ระดับจังหวัด 76 ทีม และระดับอำเภอ 878 ทีม ลงพบประชาชนและเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขแล้ว

ฝุ่น PM2.5 สูงใน 10 จังหวัดคือเชียงราย ลำพูน พิษณุโลก สุโขทัย นนทบุรี สระบุรี เพชรบุรี นครปฐม สมุทรสาคร ประจวบคีรีขันธ์ 

ปภ.ช.กำชับหน่วยงานกำกับห้ามหย่อนยาน

นอกจากนี้ ปภ.ช. กำชับให้ทุกส่วนราชการที่บังคับใช้กฎหมายดำเนินการจับกุมตามนโยบาย “ป้องกัน ปราบปราม สนับสนุน ลดฝุ่น” ของปภ.ช. อย่างเคร่งครัดโดยให้รายงานต่อที่ประชุม บก.ปภ.ช. ทุกวัน หากส่วนราชการใดที่ยังละเลยไม่ดำเนินการ “ปภ.ช.” จะมีข้อสั่งการและรายงานต่อผู้บัญชาการ บก.ปภ.ช. เพื่อพิจารณาตามการบังคับบัญชาทันที

ทั้งนี้ ในช่วงที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานขอความร่วมมือประชาชนงดออกกำลังกายกลางแจ้ง รวมทั้งกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีโรคหัวใจและโรคระบบทางเดินหายใจ ออกกลางแจ้งเท่าที่จำเป็น หากพบอาการผิดปกติ ไอ จาม หายใจลำบาก มีผื่นแดงตามตัว มีน้ำมูก หอบเหนื่อย ตาแดง ให้พบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยเร็ว

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง