วันนี้ (31 ม.ค.2568) สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กทม.และปริมณฑลที่กลับมาอีกระลอกในช่วงปลายสัปดาห์ถึง 3 ก.พ.นี้ ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.กทม.แจ้งผ่านข้อความเตือนฝุ่น PM2.5 มีสีแดง 1 เขตและสีส้ม 49 เขต เนื่องจากการระบายอากาศไม่ดี และสภาพอากาศปิดต่อเนื่องส่งผลให้ PM 2.5 ในกทม.ทั้ง 50 เขตที่มีมากกว่า 35.7 มคก.ต่อลบ.ม.เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุขด้านการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 กล่าวว่า ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) มีจังหวัดที่มีค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (37.6-75 มคก.ลบ.ม) เพิ่มขึ้นจาก 16 จังหวัดเป็น 31 จังหวัด
คาดการณ์ว่าสัปดาห์หน้าฝุ่นจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระดับสีส้มทั้งกทม.-ปริมณฑล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก
ขณะนี้มีการแจกหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 234,498 ชิ้น และหน้ากากชนิด N95 จำนวน 41,182 ชิ้น
กระทรวงสาธารณสุข แถลงมาตรการด้านการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5
ด้านพญ.เปี่ยมลาภ แสงสายัณห์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ หัวหน้ากลุ่มงานอายุรศาสตร์ปอด สถาบันโรคทรวงอก กล่าวว่า ฝุ่น PM 2.5 มีขนาดที่เล็กมากจึงสามารถซึมผ่านเข้าสู่ปอดได้ง่าย ทำให้เกิดการอักเสบ และอักเสบเรื้อรังในปอด โดยอันตรายเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่สัมผัสฝุ่นไปจนถึง 7 วันหลังสัมผัส อาการที่พบบ่อยคือ เคืองตา เหนื่อยหอบ มีการกำเริบของโรคเดิม ไอ มีเสมหะ จาม และมีน้ำมูก
มีข้อมูลจากการศึกษาพบว่าฝุ่น PM2.5 ส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคปอดเพิ่มขึ้น 6% โรคมะเร็ง 8% ผู้ป่วยโรคหัวใจ 4%
ดังนั้นในช่วงที่มีค่าฝุ่นในระดับสีเหลือง หรือมากกว่า 25 มกค.ต่อลบ.ม. ขึ้นไป แนะนำให้สวมหน้ากาก N95 หรือหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ 2 ชั้น เลี่ยงกิจกรรมนอกบ้านเมื่ออากาศปิดหรือไม่มีลม โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
จากข้อมูลการให้บริการคลินิกมลพิษออนไลน์ช่วงวันที่ 23-29 ม.ค.นี้ มีผู้ป่วยเข้ารับบริการ 1,564 คน ส่วนใหญ่มีอาการระบบทางเดินหายใจ รองลงมา คือ หู คอ จมูก ตา ผิวหนัง และระบบหัวใจและหลอดเลือด โดยผู้ป่วย 31.2% มีอาการรุนแรงคือแน่นหน้าอก หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด และเหนื่อยง่าย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) กล่าวว่า ที่ประชุมรายงานว่าตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 3 ก.พ.นี้ ประเทศไทยจะเผชิญกับอากาศปิดอีกระลอก ซึ่งจะส่งผลให้ค่าฝุ่น PM 2.5 ในหลายพื้นที่ของประเทศ อาจเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ที่ประชุม ปภ.ช.สั่งการให้ทุกหน่วยงานแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือการสั่งงดเผาโดยไม่มีข้อยกเว้น และยกระดับมาตรการต่าง ๆ แต่ในระยะเร่งด่วน ในพื้นที่ที่ค่าฝุ่นยังเกินมาตรฐานให้ป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนให้มากที่สุด
โดยได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข จัดเจ้าหน้าที่พร้อมทีมแพทย์เข้าดูแลประชาชน โดยเฉพาะ 5 กลุ่มเสี่ยง โดยสาธารณสุขได้รายงานว่า มีตัวเลข 178,000 คน แบ่งเป็นเด็กเล็ก 29,982 คน ผู้สูงอายุ 137,622 คน หญิงตั้งครรภ์ 2,305 คน ผู้มีโรคหัวใจ 3,857 คนผู้มีระบบทางเดินหายใจ 5,007 ราย
โดยกระทรวงสาธารณสุข จัดทีมพิเศษฉุกเฉินสุขภาพ ระดับจังหวัด 76 ทีม และระดับอำเภอ 878 ทีม ลงพบประชาชนและเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขแล้ว
ฝุ่น PM2.5 สูงใน 10 จังหวัดคือเชียงราย ลำพูน พิษณุโลก สุโขทัย นนทบุรี สระบุรี เพชรบุรี นครปฐม สมุทรสาคร ประจวบคีรีขันธ์
ปภ.ช.กำชับหน่วยงานกำกับห้ามหย่อนยาน
นอกจากนี้ ปภ.ช. กำชับให้ทุกส่วนราชการที่บังคับใช้กฎหมายดำเนินการจับกุมตามนโยบาย “ป้องกัน ปราบปราม สนับสนุน ลดฝุ่น” ของปภ.ช. อย่างเคร่งครัดโดยให้รายงานต่อที่ประชุม บก.ปภ.ช. ทุกวัน หากส่วนราชการใดที่ยังละเลยไม่ดำเนินการ “ปภ.ช.” จะมีข้อสั่งการและรายงานต่อผู้บัญชาการ บก.ปภ.ช. เพื่อพิจารณาตามการบังคับบัญชาทันที
ทั้งนี้ ในช่วงที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานขอความร่วมมือประชาชนงดออกกำลังกายกลางแจ้ง รวมทั้งกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีโรคหัวใจและโรคระบบทางเดินหายใจ ออกกลางแจ้งเท่าที่จำเป็น หากพบอาการผิดปกติ ไอ จาม หายใจลำบาก มีผื่นแดงตามตัว มีน้ำมูก หอบเหนื่อย ตาแดง ให้พบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยเร็ว