กรณีเพจเฟซบุ๊กกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ประชาสัมพันธ์การต้อนรับคณะทำงานลงพื้นที่สำรวจความเหมาะสมปลูกต้นซากุระในเชียงใหม่ อาจทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนและทำให้ประชาชนเกิดความกังวลเกี่ยวกับกรณีการนำเข้าต้นซากุระมาปลูกในประทศไทย
วันนี้ (28 ม.ค.2568) กรมอุทยานฯ ชี้แจงความเป็นมาของการดำเนินงานและข้อเท็จจริง ดังนี้ จังหวัดฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ขอให้รัฐบาลไทยเปิดสถานกงสุลใหญ่เพิ่มเติม ณ เมืองฟุกุโอกะ เนื่องจากมีการติดต่อค้าขายกับประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และให้เกิดความสะดวกต่อการค้า แต่ยังไม่มีสถานกงสุล ณ บริเวณดังกล่าว
ทางรัฐบาลไทยจึงได้จัดตั้งสถานกงสุลขึ้นที่จังหวัดฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ทางจังหวัดฟุกุโอกะโดยรัฐบาลญี่ปุ่น จึงมีความประสงค์มอบต้นซากุระ ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำชาติที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น จำนวน 1,000 ต้น เพื่อนำมาปลูกเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติในพื้นที่สูงที่มีอากาศเย็นและมีความเหมาะสม เป็นการขอบคุณให้แก่รัฐบาลไทยและแสดงถึงความสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น
ทั้งนี้ จะนำมาเริ่มทดลองปลูกเบื้องต้น จำนวน 200 ต้น เพราะการนำต้นซากุระเข้ามาปลูกในประเทศไทยจำเป็นต้องมีการศึกษาพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการปลูก เนื่องจากซากุระเป็นพืชที่ต้องปลูกในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศหนาวเย็น ในพื้นที่ละติจูดที่สูง และมีความสูงจากระดับทะเลปานกลางมากกว่า 1,000 เมตร รวมถึงมีอุณหภูมิที่ค่อนข้างต่ำหรือมีอากาศหนาวเย็นติดต่อกันอย่างน้อย 2 เดือน และเป็นพืชที่ต้องการแสง ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในพื้นที่ร่มหรือภายใต้เรือนยอดไม้อื่น
ดังนั้น การปลูกต้นซากุระจึงควรปลูกในพื้นที่เปิดโล่ง เพื่อให้การศึกษาการปลูกต้นซากุระเป็นไปด้วยความเหมาะสม จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาและขับเคลื่อนการปลูกต้นซากุระเพื่อเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติขึ้น
ในการประชุมของคณะทำงานฯ ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันจันทร์ที่ 23 ธ.ค.2567 เวลา 13.30-16.30 น. ผู้แทนกรมอุทยานฯ ชี้แจงในที่ประชุม ว่า ไม่สมควรนำต้นซากุระไปทดลองปลูกในพื้นที่อนุรักษ์ เนื่องจากกรมอุทยานฯ ได้กำหนดนโยบายการจัดการอุทยานแห่งชาติตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ให้มีการควบคุมและจัดการพืชต่างถิ่น (Exotic species) ไม่ให้เกิดการะบาดหรือแพร่กระจายเข้าไปในระบบนิเวศธรรรมชาติ และเพื่อให้การศึกษาการปลูกต้นซากุระเป็นไปด้วยความเหมาะสม จึงมีการกำหนดพื้นที่ในการดำเนินการปลูกไม่ให้อยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ โดยเลือกบริเวณพื้นที่ดังนี้
- ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง)
- ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (แม่จอนหลวง)
- สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จ.เชียงใหม่ (เป็นพื้นที่ในการอนุบาลกล้าซากุระและพื้นที่ปลูก)
- พื้นที่ในบริเวณชุมชนหมู่บ้านม้งดอยปุย ซึ่งไม่ได้เป็นเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติ
ดอยสุเทพ - ปุย (ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาหารือความเหมาะสมสำหรับการปลูก)
- โครงการอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ ตามพระราชดำริ ในพื้นที่ภาคเหนือ (ดอยอินทนนท์) จ.เชียงใหม่ (เป็นพื้นที่ในการอนุบาลกล้าซากุระเท่านั้น) เนื่องจากต้นซากุระจะถูกนำส่งมาด้วยวิธีการเปลือยราก จึงจำเป็นต้องพักฟื้นและอนุบาลกล้าเป็นระยะเวลา 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม กรมอุทยานฯ ขออภัยหากการสื่อสารที่ผ่านมาก่อให้เกิดความกังวลใจแก่ประชาชน และยืนยันว่าจะดำเนินโครงการด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
อ่านข่าว : บันทึกภาพ "คู่รักเต่าตนุ" สร้างรังรักกลางทะเลอันดามัน
28 ม.ค.นี้ "นายกรัฐมนตรี" หารือยกระดับแก้ฝุ่นพิษในครม.
ประทับใจ จนท.ถ่ายภาพ "เสือโคร่งทับลาน" นอนเล่น-เดินชิล