วันนี้ (26 ม.ค.2568) นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหา วิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า เทศกาลตรุษจีนของไทยในปี2568 มีความคึกคัก มีเงินสะพัดกว่า 51,787 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% จากปี 67 ที่มีมูลค่า 49,558 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่มีสถานการณ์โควิด และเป็นปีแรกที่มีเงินสะพัดสูงถึง 50,000 ล้านบาท
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหา วิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ
โดยการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่เริ่มอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบตั้งแต่หลังน้ำท่วมช่วงเดือน ต.ค.67 เป็นต้นมาต่อเนื่องมาจนถึงการแจกเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุปลายเดือน ม.ค.นี้
และมาตรการ Easy e-Receipt ซึ่งการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ประชาชนยังคงระมัดระวังการใช้ และยังเก็บออม โดยประชาชนคาดว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นอย่างโดดเด่นตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้
Easy e-Receipt จะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้เล็กน้อย 30,000-50,000 ล้านบาทจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยมีกำลังมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการเชื่อว่ามาตรการนี้จะส่งผลดี เพราะมีผลให้ลูกค้าเพิ่มการใช้จ่ายมากขึ้น
ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวถึงผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจกรณี “ซิงซิง” นักแสดงชาวจีนหายตัวไปบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ว่า ผลกระทบจะไม่รุนแรง และจบได้เร็วในเวลาไม่เกิน 2 เดือน เพราะทางการไทยจริงจังในการปราบปราม
โดยประเมินว่า นักท่องเที่ยวจีนจะลดลง 0.4-3.7% คิดเป็น 34,027-294,649 คน มูลค่าความเสียหาย 1,650-14,290 ล้านบาท ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ลดลง 0.11-0.01% สาขาธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบทางตรงมากที่สุด คือ ค้าปลีกค้าส่ง บริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ธุรกิจนำเที่ยว ร้านอาหาร ฯลฯ
ส่วนสาขาที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม มีทั้งเกษตร และการผลิตอาหาร/เครื่องดื่ม ธนาคารและการประกันภัย ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ยังคงคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตได้ 3%
นางอุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ
ด้านนางอุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลสำรวจพฤติกรรมในการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่สำรวจวันที่ 13-19 ม.ค.68 จำนวน 1,283 ตัวอย่างทั่วประเทศว่า ผู้ตอบส่วนใหญ่วางแผนจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าช่วงเทศกาลตรุษจีน และท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ และมองว่าการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาจากราคาสินค้าในปีนี้แพงกว่าปีก่อน
สำหรับความคิดเห็นต่อมาตรการ E-Receipt 2.0 ในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ผู้ตอบ 52.5% มองว่า ช่วยได้ปานกลาง และ 19.9% ช่วยได้มาก ขณะที่ความเห็นต่อมาตรการโอนเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ให้กับผู้สูงอายุนั้น ส่วนใหญ่ 45.8% บอกจะนำไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ของใช้ส่วนตัว
อ่านข่าว:
ส่งออกไทยปี 67 ทะลุเป้า 5.4% สูงสุดเป็นประวัติการณ์
"นายกฯ" สั่ง "คมนาคม" ให้ประชาชนขึ้น "รถไฟฟ้า - รถ ขสมก." ฟรี 7 วัน พรุ่งนี้
เผื่อเวลา! ระบบเช็กอินสนามบินดอนเมืองขัดข้องคิวยาว