วันนี้ (20 ม.ค.2568) กรณีกลุ่มชาวอินโดนีเซีย 32 คนที่หลบหนีข้ามจากประเทศเพื่อนบ้าน ด้าน ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวและสอบปากคำที่กองอาสารักษาดินแดน อ.แม่สอด ตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ
กลุ่มชาวอินโดนีเซีย ให้ข้อมูลอ้างว่าพวกเขาถูกชักชวนให้เดินทางไปทำงานที่ฝั่งประเทศเมียนมา โดยผ่านประเทศไทย แต่เมื่อเข้าไปทำงานถูกบังคับใช้งานอย่างหนักและไม่เป็นไปตามที่ตกลง จึงหลบหนีออกมา ซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวว่า หากผลการสอบข้อเท็จจริงเป็นไปตามข้อกล่าวอ้าง ทั้งหมดอาจกลายเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์
นายรัชต์พงศ์ สร้อยสุวรรณ สส.เขต 2 จ.ตาก พรรคประชาชน ระบุว่า ยังมีเหยื่ออาชญากรรมจำนวนมากที่ใช้การเดินทางโดยสายการบิน ผ่านประเทศไทย จึงเสนอให้เเจ้งเตือนตั้งเเต่สายการบินต้นทาง ถึงความเสี่ยงในการถูกหลอกมาทำงาน ทั้งสแกมเมอร์ คอลเซนเตอร์ หรือค้ามนุษย์ รวมทั้งปัญหาอาชญากรรมต่างๆ ในพื้นที่ชายเเดนที่อยู่ภายใต้การปกครองของกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ
ขณะที่นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิช่วยเหลือทางสังคมเพื่อเด็กและสตรี ระบุว่า การปฏิบัติงานในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ทราบบริบทและปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี ทั้งฝั่งประเทศไทยและฝั่งตรงข้าม การค้าขายชายแดน เอื้อต่อการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มทุนจีนสีเทา ซึ่งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับขบวนการเหล่านี้ควรได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเเละเเก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
ด้าน รศ.นิสิต พันธมิตร หัวหน้าศูนย์อาเซียนศึกษา วิทยาลัยนานาชาตินวัตกรรมดิจิทัล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า ภาครัฐควรสร้างความเข้าใจและจัดการอบรมเพื่อเสริมสร้างความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการประกอบการในพื้นที่ชายแดน รวมถึงการพิจารณาการค้าเเละการส่งออกในพื้นที่ที่มีบริบทปัญหาอาชญากรรม เพื่อช่วยลดโอกาส การค้าชายแดน ที่อาจสนับสนุนกลุ่มทุนอาชญากรรมในพื้นที่ชายแดนของเมียนมา
สำหรับภาพรวมการแก้ปัญหาระดับรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ระบุว่า รัฐบาลจะเร่งขับเคลื่อนนโยบายเรือธงของรัฐบาลแพทองธาร คือการปราบปราม คอลเซนเตอร์และค้ามนุษย์
พร้อมประกาศ 30 ม.ค.นี้ เป็นวันดีเดย์ ประชุมร่วมกันกับกระทรวงกลาโหม, กระทรวงมหาดไทย, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สำนักงาน ป.ป.ส., สำนักงาน ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมวางกรอบ 6 เดือน แต่หากไม่เห็นผล ต้องมีมาตรการที่เข้มข้นเพื่อให้การดำเนินการเกิดประสิทธิภาพ
นายภูมิธรรม ระบุอีกว่า ชายแดนไทยกว่า 240 กิโลเมตรมีปัญหามากมาย โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด ขบวนการคอลเซนเตอร์และการค้ามนุษย์ ซึ่งจะต้องป้องกันชายแดนเป็น 2 ชั้น ในพื้นที่ 14 จังหวัด 51 อำเภอใน 76 สถานีตำรวจ ทั้งแนวตะวันออกและตะวันตก หากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรู้สึกว่าการทำงานไม่เหมาะสม สามารถให้สิทธิสมัครใจย้ายได้
ส่วน พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เรียกประชุมรับฟังปัญหาแนวชายแดน ชาวต่างชาติเข้ามาก่ออาชญากรรมและกระทบภาพลักษณ์ประเทศ โดยระบุว่าจะลงไปดูและกำชับจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และยืนยันว่าไทยเป็นเพียงทางผ่านสำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามา โดยต้องมองเป็น 2 สถานะคือ นักท่องเที่ยว และกลุ่มที่มาใช้เป็นทางผ่านไปร่วมขบวนการค้ามนุษย์หรือคอลเซนเตอร์ ซึ่งตำรวจต้องแยกแยะการดูแลและดำเนินการตามข้อกฎหมาย
อ่านข่าว
สกัดจับ "ไอซ์" ขนข้ามประเทศกว่า 1 ตันซุกม้วนฝ้ายจากอินเดีย