แต่ไม่ว่าจะหวังอะไร เรื่องที่ผู้นำรัฐบาลยอมรับว่า เคยถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก อ้างเป็นผู้นำประเทศอื่น หลอกให้บริจาคเงิน เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างมาก
เพราะหากมองในอีกมุมหนึ่ง จะกลายเป็นการโชว์ศักยภาพของ “แก๊งมิจ” ขนาดนายกฯ ยังกล้าหลอก กล้าส่งคลิปเสียง ตามด้วยโทรศัพท์หา เมื่อเห็นนายกฯ ตอบสนอง ยิ่งส่งสัญญาณฮึกเหิม กล้าคุยทางโทรศัพท์ ที่นายกฯ เชื่อว่า เป็นเสียงเอไอ
ไม่ต่างจากรองนายกฯ และรัฐมนตรีมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่พูดเรื่องข่าวชาวเน็ตจีน ระบุว่า ไทยกำลังดำเนินการเรื่องตัดไฟฟ้าจากฝั่งไทย แต่ถูกนำไปใช้ในพื้นที่ฐานปฏิบัติการของกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน ระหว่างที่ชาวจีนกำลังกลัวเรื่องความปลอดภัยในประเทศไทย กรณีเดินทางมาท่องเที่ยว
ความจริงเป็นเรื่องที่ควรต้องทำอย่างยิ่งเรื่องตัดไฟฟ้า แต่ไม่วายพูดเรื่องตัวเองก็เป็นตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างว่า เงินในบัตรเครดิตเต็ม ให้เติมเงิน แถมบอกว่า คุยกันเป็นชั่วโมงๆ เพราะเห็นว่าเสียงเพราะดี
ด้านหนึ่งอาจหวังพูดให้ติดตลก หวังผ่อนคลาย แต่ในอีกด้านหนึ่งอาจนำไปสู่ “ทัวร์ลง” ได้ เพราะแทนที่จะสั่งการตอบโต้ หรือให้ดำเนินการใด ๆ เพื่อสกัดความฮึกเหิมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อไม่ให้ประชาชนทั่วไป ต้องกลายเหยื่อโดนต้มตุ๋นอีก กลับบอกว่า คุยด้วยเป็นชั่วโมง ๆ แม้จะเป็นเรื่องอัธยาศัยดีส่วนตัว แต่ด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิ ย่อมรู้อยู่แล้วว่าอะไรควรมิควร
ความยโสท้าทายศักยภาพความสามารถของเจ้าหน้าที่ไทย หรือพูดภาษาชาวบ้าน คือ อยากเห็น “น้ำยา” ของฝ่ายไทย จะทำอะไรพวกตนได้หรือไม่ สะท้อนให้ทราบว่า เป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าจะอยู่เฉย ๆ หรือทำได้เพียงออกโรงเตือนไม่ให้รับสายแปลก ๆ หรือไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้านั้น ไม่เพียงพอแล้ว
ตอนนี้ประเทศไทย เป็นทั้งศูนย์กลางแก๊งมิจฉาชีพ มาเฟีย เป็นทั้งทางผ่าน กลางทาง และปลายทางของกลุ่มแก๊งอาชญากร ทั้งกาสิโน คอลเซ็นเตอร์ หรือสแกมเมอร์ ดังที่ สส.3 คนจาก 3 พรรค เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องการค้ามนุษย์ในการประชุมสภาฯ เมื่อวันพฤหัส (16 ม.ค.)
ทั้งนายกัณวีร์ สืบแสง พรรคเป็นธรรม นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ พรรคประชาชน และนายทรงยศ รามสูต พรรคเพื่อไทย พูดสอดคล้องกันว่า ถึงขณะนี้ ไทยยังไม่สามารถแก้ปัญหากลุ่มแก๊งเหล่านี้ หนำซ้ำยังใช้ไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตจากประเทศไทย หลอกดูดเงินคนในประเทศไทยทุกวัน
“ขนาดนายกฯยังบอกว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรหลอกจนเกือบเชื่อ ฟังแล้วสะดุ้ง ขนาดนายกฯยังเกือบเชื่อ แล้วประชาชนจะรอดได้อย่างไร เพราะไม่ได้โชคดีเหมือนนายกฯ” เป็นส่วนหนึ่งในการอภิปรายของนายชุติพงศ์
ทั้งหมดไม่ใช่ครั้งแรกที่มีอภิปรายเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ มี สส.หลายคน รวมทั้ง นายรังสิมันต์ โรม พรรคประชาชน และเป็นประธานกรรมาธิการความมั่นคงฯ ก็เคยกระทุ้งและชี้ให้เห็นถึงพิษภัยของปัญหาเหล่านี้มาแล้วหลายครั้ง
กระทั่งเกิดกรณีนายกฯ หวุดหวิดจะตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลฯ จึงได้เห็นการรีบขานรับจากกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ระบุชัดทันทีว่าแก๊งคอลที่โทรหลอกนายกฯ มีฐานอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน ตอนนี้อยู่ในระหว่างประสานขอข้อมูล ท่ากับไม่มีอะไรใหม่
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ตำรวจ และ กสทช. คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง โทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ เคยเปิดยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” ตัดเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างแก๊งมิจ”กับประชาชน ตั้งแต่สัญญาณโทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต ซิมผี SMS และ Social Media Platform ตรวจค้นตู้ซิม ร้านค้ารายย่อย ตามแนวชายแดน หรือช่องทางที่มีการเชื่อมต่อข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านพื้นที่ภาคเหนือของไทย หวังกวาดล้างให้สิ้นซาก แต่ตอนหลังกลับไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องมากนัก
ไม่ต่างจากกระทรวงดีอี ที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นรัฐมนตรี ดูจะให้ความสำคัญกับเรื่อง “แก๊งมิจ” มานาน แต่เป็นการทำหน้าที่แบบต่างคนต่างทำ ไม่ได้มีการบูรณาการทำงานร่วมกันหลายหน่วยงานอย่างจริงจัง จึงนำไปสู่ไอเดียล่าสุดของนายประเสริฐ ที่จะให้นายกฯ นั่งเป็นประธานปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์
และยังวาดหวังว่า การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัลที่ไทยเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ จะมีการพูดคุยและลงนาม MOU กับเมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา เพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ร่วมกัน แต่จะทำได้จริงแค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะพื้นที่ชายแดนไทยเมียนมาร์ ฝั่งเมียวดี และเป็นที่ตั้งของ “ชเวก๊กโก” เมืองหลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่พื้นที่อิทธิพลของรัฐบาลและทหารเมียนมาร์ แต่เป็นกองกำลังทหารกะเหรี่ยง ขณะที่ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี มีเกิดขึ้นตลอด สกัดแบบหนึ่งได้ ก็จะมีวิธีการใหม่ๆ ตามยุคเทคโนโลยีเกิดขึ้นตามมา
จึงเป็นภัยร้ายสำคัญ ที่รัฐบาลต้องเร่งแก้อย่างจริงจัง ไม่ใช่อวดภูมิ หรือแชร์ประสบการณ์จากกลุ่มแก๊งคอลฯหรือ “แก๊งมิจ” ทั้งหลาย อย่างที่ทำกัน
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : "ชัชชาติ" เคาะ WFH 20-21 ม.ค.นี้ ลดฝุ่นกทม.
"บ้านเพื่อคนไทย" เรือธงรัฐบาล ใครได้-ใครเสีย?
รง.น้ำตาลอุดรฯ เตรียมเจรจา "กรมโรงงานฯ" เปิดรับซื้ออ้อยเผาตกค้าง