ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

อย่าภูมิใจโดน “แก๊งคอล” หลอก นายกฯ-มท.1 คนไทยใครจะเหลือ

การเมือง
17 ม.ค. 68
16:36
44
Logo Thai PBS
อย่าภูมิใจโดน “แก๊งคอล” หลอก นายกฯ-มท.1 คนไทยใครจะเหลือ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อาจหวังให้คนทั่วไปได้รู้ว่า แม้แต่นายกรัฐมนตรี ยังตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่กำลังระบาดหนัก เพื่อเตือนภัยแก๊งมิจฉาชีพ หรืออาจหวังสื่อว่า ฉลาดรู้เท่าทันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่มีทางที่นายกฯจะเสียรู้

แต่ไม่ว่าจะหวังอะไร เรื่องที่ผู้นำรัฐบาลยอมรับว่า เคยถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก อ้างเป็นผู้นำประเทศอื่น หลอกให้บริจาคเงิน เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างมาก

เพราะหากมองในอีกมุมหนึ่ง จะกลายเป็นการโชว์ศักยภาพของ “แก๊งมิจ” ขนาดนายกฯ ยังกล้าหลอก กล้าส่งคลิปเสียง ตามด้วยโทรศัพท์หา เมื่อเห็นนายกฯ ตอบสนอง ยิ่งส่งสัญญาณฮึกเหิม กล้าคุยทางโทรศัพท์ ที่นายกฯ เชื่อว่า เป็นเสียงเอไอ

ไม่ต่างจากรองนายกฯ และรัฐมนตรีมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่พูดเรื่องข่าวชาวเน็ตจีน ระบุว่า ไทยกำลังดำเนินการเรื่องตัดไฟฟ้าจากฝั่งไทย แต่ถูกนำไปใช้ในพื้นที่ฐานปฏิบัติการของกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน ระหว่างที่ชาวจีนกำลังกลัวเรื่องความปลอดภัยในประเทศไทย กรณีเดินทางมาท่องเที่ยว

ความจริงเป็นเรื่องที่ควรต้องทำอย่างยิ่งเรื่องตัดไฟฟ้า แต่ไม่วายพูดเรื่องตัวเองก็เป็นตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างว่า เงินในบัตรเครดิตเต็ม ให้เติมเงิน แถมบอกว่า คุยกันเป็นชั่วโมงๆ เพราะเห็นว่าเสียงเพราะดี

ด้านหนึ่งอาจหวังพูดให้ติดตลก หวังผ่อนคลาย แต่ในอีกด้านหนึ่งอาจนำไปสู่ “ทัวร์ลง” ได้ เพราะแทนที่จะสั่งการตอบโต้ หรือให้ดำเนินการใด ๆ เพื่อสกัดความฮึกเหิมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อไม่ให้ประชาชนทั่วไป ต้องกลายเหยื่อโดนต้มตุ๋นอีก กลับบอกว่า คุยด้วยเป็นชั่วโมง ๆ แม้จะเป็นเรื่องอัธยาศัยดีส่วนตัว แต่ด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิ ย่อมรู้อยู่แล้วว่าอะไรควรมิควร

ความยโสท้าทายศักยภาพความสามารถของเจ้าหน้าที่ไทย หรือพูดภาษาชาวบ้าน คือ อยากเห็น “น้ำยา” ของฝ่ายไทย จะทำอะไรพวกตนได้หรือไม่ สะท้อนให้ทราบว่า เป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าจะอยู่เฉย ๆ หรือทำได้เพียงออกโรงเตือนไม่ให้รับสายแปลก ๆ หรือไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้านั้น ไม่เพียงพอแล้ว

ตอนนี้ประเทศไทย เป็นทั้งศูนย์กลางแก๊งมิจฉาชีพ มาเฟีย เป็นทั้งทางผ่าน กลางทาง และปลายทางของกลุ่มแก๊งอาชญากร ทั้งกาสิโน คอลเซ็นเตอร์ หรือสแกมเมอร์ ดังที่ สส.3 คนจาก 3 พรรค เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องการค้ามนุษย์ในการประชุมสภาฯ เมื่อวันพฤหัส (16 ม.ค.)

ทั้งนายกัณวีร์ สืบแสง พรรคเป็นธรรม นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ พรรคประชาชน และนายทรงยศ รามสูต พรรคเพื่อไทย พูดสอดคล้องกันว่า ถึงขณะนี้ ไทยยังไม่สามารถแก้ปัญหากลุ่มแก๊งเหล่านี้ หนำซ้ำยังใช้ไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตจากประเทศไทย หลอกดูดเงินคนในประเทศไทยทุกวัน

“ขนาดนายกฯยังบอกว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรหลอกจนเกือบเชื่อ ฟังแล้วสะดุ้ง ขนาดนายกฯยังเกือบเชื่อ แล้วประชาชนจะรอดได้อย่างไร เพราะไม่ได้โชคดีเหมือนนายกฯ” เป็นส่วนหนึ่งในการอภิปรายของนายชุติพงศ์

ทั้งหมดไม่ใช่ครั้งแรกที่มีอภิปรายเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ มี สส.หลายคน รวมทั้ง นายรังสิมันต์ โรม พรรคประชาชน และเป็นประธานกรรมาธิการความมั่นคงฯ ก็เคยกระทุ้งและชี้ให้เห็นถึงพิษภัยของปัญหาเหล่านี้มาแล้วหลายครั้ง

กระทั่งเกิดกรณีนายกฯ หวุดหวิดจะตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลฯ จึงได้เห็นการรีบขานรับจากกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ระบุชัดทันทีว่าแก๊งคอลที่โทรหลอกนายกฯ มีฐานอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน ตอนนี้อยู่ในระหว่างประสานขอข้อมูล ท่ากับไม่มีอะไรใหม่

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ตำรวจ และ กสทช. คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง โทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ เคยเปิดยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” ตัดเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างแก๊งมิจ”กับประชาชน ตั้งแต่สัญญาณโทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต ซิมผี SMS และ Social Media Platform ตรวจค้นตู้ซิม ร้านค้ารายย่อย ตามแนวชายแดน หรือช่องทางที่มีการเชื่อมต่อข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านพื้นที่ภาคเหนือของไทย หวังกวาดล้างให้สิ้นซาก แต่ตอนหลังกลับไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องมากนัก

ไม่ต่างจากกระทรวงดีอี ที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นรัฐมนตรี ดูจะให้ความสำคัญกับเรื่อง “แก๊งมิจ” มานาน แต่เป็นการทำหน้าที่แบบต่างคนต่างทำ ไม่ได้มีการบูรณาการทำงานร่วมกันหลายหน่วยงานอย่างจริงจัง จึงนำไปสู่ไอเดียล่าสุดของนายประเสริฐ ที่จะให้นายกฯ นั่งเป็นประธานปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์

และยังวาดหวังว่า การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัลที่ไทยเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ จะมีการพูดคุยและลงนาม MOU กับเมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา เพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ร่วมกัน แต่จะทำได้จริงแค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะพื้นที่ชายแดนไทยเมียนมาร์ ฝั่งเมียวดี และเป็นที่ตั้งของ “ชเวก๊กโก” เมืองหลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่พื้นที่อิทธิพลของรัฐบาลและทหารเมียนมาร์ แต่เป็นกองกำลังทหารกะเหรี่ยง ขณะที่ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี มีเกิดขึ้นตลอด สกัดแบบหนึ่งได้ ก็จะมีวิธีการใหม่ๆ ตามยุคเทคโนโลยีเกิดขึ้นตามมา

จึงเป็นภัยร้ายสำคัญ ที่รัฐบาลต้องเร่งแก้อย่างจริงจัง ไม่ใช่อวดภูมิ หรือแชร์ประสบการณ์จากกลุ่มแก๊งคอลฯหรือ “แก๊งมิจ” ทั้งหลาย อย่างที่ทำกัน

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว : "ชัชชาติ" เคาะ WFH 20-21 ม.ค.นี้ ลดฝุ่นกทม.

"บ้านเพื่อคนไทย" เรือธงรัฐบาล ใครได้-ใครเสีย?

รง.น้ำตาลอุดรฯ เตรียมเจรจา "กรมโรงงานฯ" เปิดรับซื้ออ้อยเผาตกค้าง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง