วันนี้ (17 ม.ค.2568) นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมานคร มีประกาศขอความร่วมมือให้ WFH วันที่ 20-21 ม.ค.นี้ เนื่องจากแนวโน้มอากาศปิด และค่าฝุ่น PM2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้น ทั้งนี้เพื่อลดการใช้รถบนท้องถนน ซึ่งพบว่าเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษและฝุ่นละอองในกทม.
ก่อนหน้านี้ นายชัชชาติ เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชุมเพื่อยกระดับการควบคุม PM2.5 มีระดับสีส้มและสีแดงบางจุด โดยระบุว่าจะปรับเกณฑ์ WFH ไม่รอฝุ่น PM 2.5 ระดับสีแดง
ปรับใหม่สีส้มแค่ 35 เขตต่อเนื่อง 3 วันให้หยุดทันที จากเดิมใช้เกณฑ์ระดับสีแดง 5 เขต ค่า PM2.5 ตั้งแต่ 75.1 มคก.ต่อลบ.ม.
อ่านข่าว กทม.จ่อปรับเกณฑ์ WFH รับมือฝุ่นระลอกใหม่ 14-15 ม.ค.
จากเดิมหากค่าฝุ่นเป็นสีแดงอย่างน้อย 5 เขต หรือเป็นสีส้ม อย่างน้อย 15 เขต และอัตราการระบายอากาศน้อยกว่า 3,000 ตารางเมตรต่อวินาที กทม.จะให้ WFH
รวมทั้งร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ตรวจวัดมลพิษรถยนต์ตามแผนปฏิบัติงานตรวจวัดควันดำในกทม.ทุกวันจันทร์-เสาร์ แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น.ช่วงบ่าย เวลา 13.00 - 15.00 น
อ่านข่าว "แพทองธาร" ขันน็อตรายกระทรวงแก้ฝุ่น PM2.5 รายงานตรง
ฝุ่นกทม.ในช่วงสัปดาห์นี้ พบเกินค่ามาตรฐานระดับสีส้ม
รร.สั่งเปิด-ปิดได้ตามหลักเกณฑ์และดุลยพินิจ
นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการปรับมาตรการ WFH) เนื่องจากคาดการณ์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับค่าฝุ่น PM2.5 ในวันที่ 20-21 ม.ค.นี้ พบว่ามีเขตที่ค่าฝุ่นเข้าเกณฑ์สีส้ม 35 เขตขึ้นไป อัตราการระบายอากาศไม่ดี คืออยู่ระหว่าง 875 -2,250 ตารางเมตรต่อวินาที จุดเผา 5 วันที่ผ่านมา (11-15 ม.ค.) เกินวันละ 80 จุด จึงประกาศ WFH วันที่ 20-21 ม.ค.นี้
ยังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากฝุ่น PM2.5 ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง จะประกาศ WFH ต่อไปจนถึง 24 ม.ค.โดยมีการสื่อสารให้กับภาคีเครือข่าย WFH ทราบล่วงหน้า เพื่อให้วางแผนการทำงานล่วงหน้า
นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร
นายเอกวรัญญู กล่าวอีกว่าปัจจุบันมีหน่วยงานภาคส่วนต่าง ๆ เข้าร่วมกับ กทม. เป็นภาคีเครือข่าย WFH เกือบ 100,000 คน หากใครประสงค์จะร่วมโครงการสามารถลงทะเบียนกับ กทม.ผ่านลิงก์ https://bit.ly/3Nn25nR?r=qr 1
ในส่วนของโรงเรียนในกรุงเทพมหานคร ให้ผู้บริหารใช้ดุลยพินิจปิดโรงเรียนตามสถานการณ์ฝุ่นและเกณฑ์ที่กำหนด สำหรับการปิดการเรียนการสอนของโรงเรียนในกรุงเทพมหานคร ให้ผู้บริหารพิจารณาดำเนินการดังนี้
- ค่า PM2.5 ระหว่าง 37.6-75 มคก.ต่อลบ.ม. (ระดับธงคุณภาพอากาศสีส้ม) ผอ.สถานศึกษา ใช้ดุลยพินิจปิดการเรียนการสอนตามอำนาจ ครั้งละไม่เกิน 3 วัน ผู้อำนวยการเขต ใช้ดุลยพินิจปิดการเรียนการสอนตามอำนาจ ครั้งละไม่เกิน 7 วัน
- ค่า PM2.5 มากกว่า 75 มคก./ลบ.ม. (ระดับธงคุณภาพอากาศสีแดง) ต่อเนื่องติดต่อกัน 3 วัน ผอ.สำนักการศึกษา ใช้ดุลยพินิจปิดการเรียนการสอนตามอำนาจ ครั้งละไม่เกิน 15 วัน เมื่อฝุ่นละออง PM2.5 มีค่าสูงเกิน 2-5 เขต ผู้ว่าฯ ใช้ดุลยพินิจปิดการเรียนการสอนตามอำนาจ โดยไม่จำกัดระยะเวลา เมื่อฝุ่นละออง PM2.5 มีค่าสูงเกิน มากกว่า 5 เขต
ทั้งนี้ หากมีการปิดการเรียนการสอน ให้โรงเรียนจัดการเรียนการสอนชดเชยในภายหลัง หรือพิจารณาจัดการเรียนการสอนในรูปแบบทางเลือกทดแทน เช่น การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ เป็นต้น โดยหากไม่ปิดการเรียนการสอน โรงเรียนจะต้องมีพื้นที่ Safe Zone ให้นักเรียนกลุ่มเปราะบางและทุกคนในโรงเรียน และดำเนินการตามมาตรการป้องกันฝุ่นละอองอย่างเคร่งครัด
สำหรับข้าราชการของกทม.ได้ปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติราชการที่รองรับวิถีชีวิตและการทำงานวิถีใหม่ของ กทม.ให้เหมาะสมตามสถานการณ์ความรุนแรงของฝุ่นละออง PM2.5 โดยมีรูปแบบของการปฏิบัติงาน เช่น การปฏิบัติงาน ณ สถานที่ตั้ง เหลื่อมเวลาทำงาน การปฏิบัติงาน ณ สถานที่ตั้ง โดยการนับชั่วโมงทำงาน การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง ใช้กับงานวิชาการที่ไม่ต้องติดต่อกับผู้รับบริการหรือบุคคลภายนอกมากนัก และส่งงานผ่านระบบออนไลน์ได้
การจราจรในกทม.ในเขตเมืองรถหนาแน่น
รถยนต์ 6 ล้อขึ้นบัญชีสีเขียว ภาคจราจร 12%
สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร (สสล.) รายงานว่า ขณะนี้มีรถยนต์ 6 ล้อ ขึ้นบัญชีเขียวแล้ว 31,041 คันจากเป้าหมาย 10,000 คัน (310%) และมีรถยนต์ทั่วไปร่วมเข้าโครงการ รถคันนี้ลดฝุ่นหรือโครงการรณรงค์ให้ประชาชนร่วมเปลี่ยนไส้กรองรถยนต์ 229,711 คัน จากเป้าหมาย 500,000 คัน ช่วยลด PM2.5 จากภาคจราจรแล้ว 12% และฝุ่นจากทุกแหล่งกำเนิดได้ 8% หากครบ 500,000 คันตามเป้าหมาย จะสามารถลด PM2.5 ได้ 25%
นอกจากนี้ จากการทดสอบใช้ระบบกล้อง CCTV ตรวจจับรถยนต์ 6 ล้อขึ้นไปที่เข้าในวงแหวนรัชดาภิเษก หรือเขตควบคุมฝุ่น ช่วงวันที่ 11 16 ม.ค.นี้ พบว่ามีรถยนต์ 6 ล้อเข้าพื้นที่ 9,881 คัน เฉลี่ย 1,647 คันต่อวัน เป็นรถยนต์ในบัญชีเขียว 1,630 คัน