วันนี้ (19 ธ.ค.2567) นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทน เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) เตือนประชาชนเกี่ยวกับการลงทุนตู้เติมเงิน เคธี่ปันสุข โดยบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด ซึ่งมีการตั้งกลุ่ม โฆษณาชักชวนให้ลงทุนผ่านโซเชียลมีเดีย
โดยระบุว่าบริษัทได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุน ซึ่งมีประชาชนร่วมลงทุนไปแล้วอย่างน้อย 15,000 ตู้
รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ชี้แจงว่า ธุรกิจของบริษัทเคโฟร์ ที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. มีเพียงธุรกิจซิมการ์ดเคโฟร์ แต่ธุรกิจอื่น รวมถึงตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช.
ซึ่ง กสทช. ได้ยื่นเรื่องต่อธนาคารแห่งประเทศไทย ดีเอสไอ สคบ. และ ปปง. เพื่อให้แต่ละหน่วยงานตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยระหว่างนี้ หากพบว่ามีการอ้างถึงใบอนุญาตของ กสทช. เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ชักชวนลงทุน เกิดความเสียหายต่อสาธารณชนเป็นวงกว้าง อาจพิจารณาพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ ธุรกิจซิมการ์ดเคโฟร์ด้วย
จากการตรวจสอบพบว่า เดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ซิมเคโฟร์ใช้งานจริงประมาณ 46,000 เลขหมาย ยอดการเติมเงินเฉลี่ยเพียงเลขหมายละ 38 บาทเท่านั้น บริษัทมีรายได้จากธุรกิจซิมการ์ดประมาณปีละ 5 ล้านบาท
แต่ กสทช. พบว่า บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 5 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 ปี จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า การเพิ่มทุนจดทะเบียน มาจากการประกอบธุรกิจอื่น นอกเหนือจากการให้บริการโทรคมนาคมตามประกาศ กสทช. หรือไม่
นอกจากนี้ สำนักงาน กสทช. ภาค และ กสทช. เขต ลงพื้นที่ตรวจสอบศูนย์บริการเคโฟร์ ยังพบว่า ศูนย์บริการบางแห่ง ไม่ได้เปิดให้บริการ และไม่ได้ติดตั้งตู้เติมเงินจริง ขณะที่ตัวแทนผู้เสียหาย เตรียมเข้าไปร้องเรียนที่สำนักงาน กสทช. พรุ่งนี้ (20 ธ.ค.)
อ่านข่าว :
SME หนีตายแข่งขันค้าโลก ใช้ FTA ลดเสี่ยงภาษีสูง "ทรัมป์ 2.0"
ส่งออกโต 5% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ พาณิชย์ เคาะเป้าปี68 ขยายตัว 2-3%