วันนี้ (19 ธ.ค.2567) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศาลในเมืองอาวีญง ประเทศฝรั่งเศส ตัดสินจำคุก 20 ปีแก่นายโดมินิก เปลิโกต์ หลังการพิจารณาคดีกว่า 3 เดือน คดีที่สร้างความตกตะลึงให้แก่ชาวฝรั่งเศสทั้งประเทศและทั่วโลก และทำให้ "จีเซล เปลิโกต์" วัย 72 ปี กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งสิทธิสตรี
ทั้งนี้ จำเลยร่วมทั้ง 50 คนในคดีนี้ ก็ถูกตัดสินว่ามีความผิด โดยไม่มีการยกฟ้อง จำเลยหลายคนเดินทางมายังศาลพร้อมกระเป๋าสัมภาระที่เตรียมไว้สำหรับการเข้าเรือนจำ บางคนถึงกับร้องไห้และกอดคู่ชีวิต ครอบครัวของเขาก่อนเข้าไปในห้องพิจารณาคดี
โดมินิก เปลิโกต์ คุณถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาข่มขืน จีเซล เปลิโกต์ อย่างรุนแรง
ผู้พิพากษาโรเจอร์ อาราตา ประกาศโทษ พร้อมระบุว่า โดมินิกจะไม่มีสิทธิ์ยื่นขอทัณฑ์บนจนกว่าจะรับโทษครบ 2 ใน 3 ของระยะเวลาจำคุก โดมินิก วัย 72 ปี ยอมรับว่าได้วางยาเพื่อทำให้ จีเซล เปลิโกต์ ภรรยาของเขาในขณะก่อเหตุ หมดสติ ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี เพื่อให้เขาและคนแปลกหน้าที่รู้จักผ่านออนไลน์สามารถข่มขืนเธอได้
ฉากหลังของสามีที่แสนดี
โดมินิก เปลิโกต์ อดีตสามี จีเซล เปลิโกต์ ให้การต่อศาลว่าเขาเคยถามภรรยาเรื่องรสนิยมทางเพศเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนคู่นอน แต่เธอปฏิเสธ เธอไม่คิดว่าความคิดนี้จะออกมาจากสามีที่แสนดีที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเธอมานานกว่า 50 ปี และมีลูกด้วยกันถึง 3 คน เขาเป็นสามีและพ่อที่อบอุ่นมากสำหรับครอบครัว สุดท้ายโดมินิกแก้ต่างว่า มันเป็นเพียงคำถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่านั้น
แต่คำตอบของจีเซลกลับเป็นสิ่งที่กระตุ้น ประกอบกับการถูกล่วงละเมิดทางเพศของโดมินิกในวัยหนุ่ม จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาแสดงพฤติกรรมที่น่ารังเกียจกับอดีตภรรยา แอนนาเบล มงทาร์จ นักจิตวิทยาบอกกับศาลอาวีญงหลังเธอได้คุยกับโดมินิก ในเดือน ธ.ค.2563 หนึ่งเดือนครึ่งหลังจากที่เขาถูกควบคุมตัว
ผมกับภรรยาเคยคุยกันเรื่องแลกเปลี่ยนคู่นอน แต่เธอไม่เห็นด้วย ผมจึงวางยาเธอ
ระหว่างปี 2554-2563 โดมินิก วัย 72 ปี สามี ได้วางยาภรรยาของเขา จีเซล วัย 72 ปีเท่ากัน ด้วยยากล่อมประสาทและยานอนหลับ โดยที่เธอไม่รู้ตัว เขาบดยาเหล่านี้เป็นผงและผสมในอาหารและเครื่องดื่มที่เธอกิน ส่งผลให้เธอหมดสติและสูญเสียความทรงจำ
ในระหว่างที่เธอหมดสติ โดมินิกได้ใช้เว็บไซต์หนึ่งชักชวนชายแปลกหน้าจากพื้นที่ใกล้เคียง ที่ส่วนใหญ่มาจากเมืองและหมู่บ้านในรัศมี 50 กิโลเมตร (30 ไมล์) จากหมู่บ้านมาซองของครอบครัวเปลิโกต์ ให้มาร่วมข่มขืนภรรยาของตัวเองภายในบ้านของพวกเขา
การกระทำของ โดมินิก ปิดฉากลง เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในซูเปอร์มาร์เก็ตจับกุมเขาขณะกำลังถ่ายภาพใต้กระโปรงผู้หญิงคนอื่น ต่อมาตำรวจจึงค้นพบพฤติกรรมที่เลวร้ายนี้ ผ่านคลิปวิดีโอจำนวนมากที่เก็บไว้ในบ้าน ซึ่งเป็นคลิปที่เขาแอบถ่ายมาตลอดเวลานานนับทศวรรษที่กระทำผิดต่อภรรยาของเขา
รับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน
โดมินิก ยอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมด รวมถึงการวางยา ข่มขืน และการชักชวนชายอีก 50 คนให้ร่วมกระทำความผิดในลักษณะเดียวกัน ชายกลุ่มนี้มีอายุระหว่าง 27-74 ปี มาจากหลากหลายอาชีพ เช่น นักดับเพลิง คนขับรถบรรทุก และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
จำเลยทั้ง 50 คน ถูกตั้งข้อหา ข่มขืนรุนแรง และ พยายามข่มขืน โดยอัยการร้องขอให้ศาลตัดสินโทษจำคุกตั้งแต่ 10-18 ปี และในบางกรณีสูงถึง 20 ปีสำหรับผู้ที่มีความผิดร้ายแรง
โดมินิก เปลิโกต์ อดีตสามี ถูกตัดสินจำคุก 20 ปี ฐานความผิดข่มขืนอดีตภรรยา จีเซล และยังมีความผิดฐานพยายามข่มขืนภรรยาของหนึ่งในผู้ต้องหาร่วม ฌอง ปิแอร์ มาร์ชาล ซีเลีย และถ่ายภาพอนาจารลูกสาวของตัวเอง แคโรไลน์ และลูกสะใภ้ ออโรร์ และเซลีน
1 ในผู้ต้องหา โรมัน วี วัย 63 ปี ถูกกล่าวหาว่าข่มขืนจีเซลถึง 6 ครั้ง ในขณะที่รู้ว่าตนเองติดเชื้อ HIV อัยการขอให้ศาลตัดสินจำคุกเขาเป็นเวลา 18 ปี อีกกรณีหนึ่งคือ โจเซฟ ซี วัย 69 ปี ซึ่งเป็นโค้ชกีฬาเกษียณอายุ ถูกตั้งข้อหาลวนลามทางเพศและได้รับโทษจำคุก 4 ปี
แม้บางคนจะขอโทษต่อหน้าจีเซลกับการกระทำของพวกเขา แต่หลายคนกลับไม่กล้า เช่น ฌอง ปิแอร์ มาร์ชาล ซีเลีย ผู้ที่บอกว่าตัวเองเป็นสาวกของโดมินิก และเรียนรู้พฤติกรรมการวางยาภรรยาตัวเอง จากนั้น ฌอง เลือกจะทำกับภรรยาของเขาเพื่อทำร้ายเธอเป็นเวลา 5 ปี เขาละอายใจตัวเอง จนเกินกว่าจะกล้ามองหน้าจีเซล และบทลงโทษของเขาฐานพยายามข่มขืนด้วยความรุนแรง รวมถึงวางยาภรรยาของตัวเอง ถูกตัดสินจำคุก 12 ปี
จีเซลไม่ใช่เหยื่อ เธอเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับสามี
ขณะที่ผู้ร่วมกระทำอีกหลายคน ปฏิเสธข้อหา โดยบอกว่า พวกเขาไม่เชื่อว่าจีเซลจะถูกวางยา เธออาจแกล้งทำเป็นนอนหลับเพราะขี้อาย นี่คือหนึ่งในขบวนการของครอบครัวนี้ ผู้ต้องหาให้การต่อศาลเพิ่มเติมว่า เขาก็ถูกวางยาเหมือนกับจีเซลเช่นกัน เมื่อไปถึงบ้านเปลิโกต์ เขาถูกบังคับให้ดื่มเครื่องดื่มบางอย่าง และทำให้เขาไม่รู้ตัว ในขณะที่อีกหลายคนบอกว่า ถ้ารู้ว่ามีการตั้งกล้องแอบถ่าย พวกเขาจะปฏิเสธอย่างแน่นอน
ในกระบวนการการพิจารณาคดี ศาลเมืองอาวีญง ใช้เวลากว่า 3 เดือน ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา โดยมีผู้พิพากษา โรเจอร์ อาราตา เป็นประธาน กับหลักฐานสำคัญ วิดีโอที่โดมินิกบันทึกไว้ในระหว่างการกระทำผิดตลอดเวลานานนับ 10 ปี และโดมินิกก็ยอมรับต่อศาลอีกว่า เขาตั้งใจอัดวิดีโอไว้เพราะส่วนหนึ่งเป็นความชื่นชอบส่วนตัวและอีกส่วนหนึ่งต้องการใช้เป็น "ตัวประกัน" ในอนาคต
หลังความจริง ฉันขอหย่ากับโดมินิกทันที ร่างกายฉันถูกข่มขืน แต่สมองของฉันไม่ได้ถูกกระทำ
เมื่อขึ้นศาล จีเซลให้การถึงความเจ็บปวดของเธอว่า "พวกเขาปฏิบัติกับฉันเหมือนตุ๊กตาผ้า" เธอย้ำว่าเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ใช่ "ฉากรัก" แต่คือ "ฉากข่มขืน" หลักฐานในวิดีโอทำให้จำเลยไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ
พ่อขโมยวัยเด็กของผมไป
คดีของ โดมินิก เปลิโกต์ สร้างความเจ็บปวดที่ลึกซึ้งต่อครอบครัวและผู้ใกล้ชิด โดยลูกสาวคนกลาง "แคโรลีน ดาเรียน" ที่ต้องเผชิญความทุกข์ทรมานจากภาพถ่ายที่พบในคอมพิวเตอร์ของพ่อของเธอ ซึ่งแสดงให้เห็นเธอในสภาพกึ่งเปลือยและอาจถูกวางยา แม้เปลิโกต์ผู้พ่อจะปฏิเสธการล่วงละเมิดลูกสาว แต่ความหลอกลวงของเขาได้ถูกเปิดเผยชัดเจนในศาล ความร้าวฉานยังขยายไปถึงลูกชายทั้ง 2 คนที่เรียกร้องให้พ่อพูดความจริง
ผลกระทบจากคดีนี้ได้ทำลายชีวิตของสมาชิกครอบครัว เปลิโกต์ โดยเฉพาะ "เดวิด" ลูกชายคนโตที่ต้องเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายเกี่ยวกับภาพถ่ายลับของภรรยาของเขา ซึ่งมาจากกล้องที่พ่อของเขาแอบติดไว้ในห้องน้ำ เดวิดบอกกับศาลว่า พ่อทำให้ความทรงจำวัยเด็กของเขาหายไป จากที่เขาคิดว่าเขาเติบโตจากครอบครัวที่อบอุ่น พ่อกับแม่ดูแลกันด้วยความอ่อนโยน จนเป็นแบบอย่างให้เขาสร้างครอบครัวเล็ก ๆ ของเขา แต่มาถึงวันนี้ "พ่อคือผู้ทำลาย"
ขณะที่ลูกชายคนเล็ก ฟลอเรียน ตั้งคำถามถึงสายเลือดของตนเอง ว่าเขาเป็นลูกตามสายเลือดของโดมินิกและจีเซลจริง ๆ หรือไม่
สเตฟาน บาโบนนัว กล่าวแถลงปิดคดีว่า ครอบครัวนี้ต้องอยู่กับบาดแผลที่ไม่มีวันลบเลือน แม้ศาลจะตัดสินให้เปลิโกต์รับโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี แต่ความทรมานทางจิตใจของครอบครัวนี้ยังคงอยู่ตลอดไป
นี่เป็นเพียงตัวอย่างความทุกข์ทรมานแสนสาหัสที่เกิดจากการข่มขืนในครอบครัว
ความอับอายที่เปลี่ยนข้างในสังคมฝรั่งเศส
คดีนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมากทั้งในประเทศและทั่วโลก ส่วนหนึ่งมาจากการกล้าเปิดเผยตัวตนของ จีเซล เปลิโกต์ ซึ่งถือเป็นกรณีที่หาได้ยาก และการจัดการพิจารณาคดีที่เปิดเผยต่อสาธารณะ
กลุ่มเคลื่อนไหวทางสังคมอย่าง Dare to be Feminist ระบุว่าจีเซลไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่การกระทำอันกล้าหาญของเธอ เป็นการเปลี่ยนมุมมองของสังคมที่มีต่อความรุนแรงทางเพศ ผู้ที่สนับสนุนเธอรวมตัวกันนอกศาลพร้อมป้ายและคำขวัญว่า "ความอับอายได้เปลี่ยนข้างแล้ว"
นายกเทศมนตรีของหมู่บ้านมาซอง ให้สัมภาษณ์ว่า "คดีนี้อาจแย่กว่านี้หากมีผู้เสียชีวิต" แต่คำพูดนี้กลับสร้างความไม่พอใจอย่างมาก จนเขาต้องออกมาขอโทษและประกาศถอนตัวจากชีวิตการเมือง
จีเซล เปลิโกต์ เข้าร่วมการพิจารณาคดีเกือบทุกวัน เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า อยากให้ผู้หญิงทุกคนที่เคยถูกข่มขืนคิดว่า ถ้ามาดามเปลิโกต์ทำได้ พวกคุณก็ย่อมทำได้ เธอยืนยันว่าเบื้องหลังความกล้าหาญของเธอคือ "ซากปรักหักพัง" ที่ยากจะฟื้นฟู
ผู้หญิงมีความเข้มแข็งในตัวเองที่พวกเธออาจไม่เคยรู้ และเธอควรเชื่อมั่นในตัวเอง
จีเซลยื่นฟ้องคดีนี้มานานกว่า 2 ปี ทนายความของเธอกล่าวว่า เขาเป็นคนแนะนำให้ลูกความวัย 72 ปี ลองถอดแว่นกันแดดออก ขณะที่เดินทางไปศาล เพื่อเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ และการพยายามยอมรับ กล้าเปิดเผยความจริง เพื่อสื่อให้สังคมฝรั่งเศสได้เห็นว่า ความอับอายไม่ควรอยู่ข้างเธอ แต่ต้องไปอยู่กับฝั่งของผู้ก่อเหตุทั้งหมด
หลังคำพิพากษาของศาล เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อทั่วโลกว่า เธอเคารพคำตัดสินของศาล พร้อมกับกล่าวขอบคุณผู้สนับสนุน ทั้งองค์กรสิทธิสตรีต่าง ๆ นักข่าว ทนายความ โดยบอกว่าคำพูดของพวกเขาทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งและทำให้เธอมีกำลังใจที่จะเข้าร่วมการพิจารณาคดีทุกวัน พร้อมกับยืนยันว่าเธอไม่เคยรู้สึกเสียใจที่เปิดเผยตัวตนสู่การพิจารณาคดีเพื่อให้สังคมได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
อ่านข่าวอื่น :
รู้จัก 3 ตัวตึงช้างป่าภูกระดึง สีดอดำ-พลายบิด-งาเดียว