วันนี้ ( 11 ธ.ค.2567) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ,สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ,สมาคมธนาคารไทย ,สมาคมธนาคารนานาชาติ ,สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน (Non-Banks) บางแห่ง ได้ลงนามความร่วมมือ มาตรการชั่วคราวเพิ่มเติม ภายใต้ชื่อโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและ SMEs เฉพาะกลุ่ม
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง
ครอบคลุมลูกหนี้รวมจำนวน 2.1 ล้านบัญชี เป็นลูกหนี้ 1.9 ล้านราย และมียอดหนี้รวมประมาณ 8.9 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจากการดำเนินมาตรการดังกล่าว จะช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ให้ลดลงมากว่าหลาย 10%
สำกรับโครงการ คุณสู้ เราช่วย จะเปิดลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ 12 ธ.ค.67 ถึงวันที่28 ก.พ.68 ประกอบด้วย 2 มาตรการ ผ่านเว็บไซต์ https://www.bot.or.th/khunsoo ได้แก่ มาตรการที่ 1 จ่ายตรง คงทรัพย์ เป็นการช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อบ้าน รถ และ SMEs ขนาดเล็กที่มีวงเงินไม่สูงมาก ให้เข้ามาปรับโครงสร้างหนี้แบบลดค่างวดและพักภาระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี
โดยค่างวดที่จ่ายจะนำไปตัดชำระเงินต้นทั้งหมด ซึ่งปีแรกเริ่มชำระเงินต้น 50% ปีที่ 2 ชำระ 70% และปีที่ 3 ชำระ 90% ขณะที่ดอกเบี้ยที่พักไว้ตลอดระยะเวลา 3 ปี จะได้รับการยกเว้น หากลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ตลอดระยะเวลาของมาตรการ (ชำระเงินตรงเวลาและไม่ทำสัญญาสินเชื่อเพิ่มเติมในช่วง 12 เดือนแรกของการเข้าโครงการฯ)
มาตรการ จ่ายตรง คงทรัพย์ มีวัตถุประสงค์หลักในการช่วยเหลือลูกหนี้ที่วงเงินไม่สูงมาก ให้สามารถรักษาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทั้งบ้าน รถ และสถานประกอบการไว้ได้ ช่วยบรรเทาภาระหนี้ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตให้กับลูกหนี้
โดยค่างวดที่ลดลงจะทำให้ลูกหนี้มีสภาพคล่องเหลือสำหรับดำรงชีพเพิ่มเติมระหว่างอยู่ในมาตรการ ขณะที่ดอกเบี้ยที่ได้รับยกเว้นจะช่วยให้ภาระหนี้โดยรวมของลูกหนี้ลดลง
ส่วนมาตรการที่ 2 จ่าย ปิด จบ เป็นการช่วยลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่เป็นหนี้เสีย (สถานะ NPL) แต่มียอดคงค้างหนี้ไม่สูง (ไม่เกิน 5,000 บาท) ลูกหนี้จะต้องเข้ามาเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ เพื่อชำระหนี้บางส่วน
โดยมาตรการ จ่าย ปิด จบมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้เสียและยอดหนี้ไม่สูง สามารถเปลี่ยนสถานะการเป็นหนี้ จากหนี้เสียเป็นปิดจบหนี้และเริ่มต้นใหม่ได้เร็วขึ้น
รมว.คลังกล่าวว่า แหล่งเงินทั้ง 2 มาตรการ มาจาก เงินนำส่งเข้า FIDF ของธนาคารพาณิชย์ (ที่ได้รับการละเว้นจากการปรับลดอัตรานำส่งเงินฯ) จำนวน 39,000 ล้านบาท และเงินงบประมาณตาม มาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เพื่อชดเชยให้แบงก์รัฐ 6 แห่ง จำนวนวน 38,920 ล้านบาท
ขณะที่ระยะต่อไป ภาครัฐจะเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อที่อยู่ในชนบท ซึ่งจะพิจารณาเติมเงินเข้าไปเกือบ 1 ล้านล้านบาท ผ่านกลไกแบงก์รัฐ ส่วนธนาคารพาณิชย์ จะมีการหารือร่วมกันอีกครั้ง เพื่อหาแนวทางดำเนินนโยบายการให้สินเชื่อผ่อนปรน โดยจะมีการพิจารณาอีกครั้ง
อ่านข่าว:
ดีเดย์ 16 ธ.ค. ธ.ก.ส. โอนเงินไร่ 1,000 บาท 4.3 ล้านราย
ครม.เคาะงบ 1,900 ล้านช่วยค่าไฟกลุ่มเปราะบางย้อนหลัง 4 เดือน
"แอ่วเหนือคนละครึ่ง" ใช้สิทธิ์ทะลุเป้า-หวังเพิ่มมาตรการท่องเที่ยว