วันนี้ (2 ธ.ค.2567) กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.00-34.75 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.24 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.21-34.78 บาท/ดอลลาร์
เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดอลลาร์ได้แรงหนุนในช่วงแรกหลังทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯจะเก็บภาษีนำเข้า 25% จากสินค้าทั้งหมดที่มาจากเม็กซิโกและแคนาดาในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี และจะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 10% จากสินค้าจีน พร้อมระบุว่ามาตรการนี้เป็นการตอบโต้การค้ายาและการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย
ส่วนดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ของสหรัฐฯปรับขึ้น 2.8% ในเดือนตุลาคม โดยเร่งตัวจาก 2.7% ในเดือนก.ย.จากราคาในหมวดบริการเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี ดอลลาร์ย่อลงท่ามกลางปริมาณธุรกรรมเบาบาง
ขณะที่เงินเยนแตะระดับแข็งค่าสุดรอบ 6 สัปดาห์จากมุมมองที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)อาจขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 4,282 ล้านบาท แต่มียอดซื้อพันธบัตรสุทธิ 5,166 ล้านบาท ส่วนในเดือนพ.ย.เงินบาทอ่อนค่า 1.4%
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะให้ความสนใจกับข้อมูลภาคบริการและการจ้างงานเดือนพ.ย.ของสหรัฐฯเพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในระยะถัดไป
ขณะที่ผู้ร่วมตลาดมองว่าคำขู่เกี่ยวกับการขึ้นอัตราศุลกากรของทรัมป์เป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรองสำหรับประเด็นทางสังคมหรือด้านอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ราคาสินทรัพย์ทางการเงินมีแนวโน้มผันผวนสูงเนื่องจากเชื่อว่าการประกาศเพิ่มภาษีสินค้าจีนของทรัมป์จะไม่หยุดอยู่แค่นี้
ขณะที่สหรัฐฯยังคงขาดดุลการค้าอย่างมากกับจีน ระยะสั้น ค่าเงินบาทมีแนวโน้มเหวี่ยงตัวตามการเคลื่อนไหวระหว่างวันของราคาทองคำในตลาดโลกและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯต่อไป
สำหรับปัจจัยในประเทศ กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือนตุลาคมมูลค่า 2.72 หมื่นล้านดอลลาร์สูงสุดรอบ 19 เดือน และขยายตัว 14.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราเติบโตสูงสุดรอบ 3 เดือน โดยได้แรงหนุนจากสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี
ขณะที่ทางการคาดว่าส่งออกทั้งปี 67 จะเพิ่มขึ้น 4% ทางด้านธปท.เปิดเผยยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนตุลาคมที่ 0.7 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นตามรายรับภาคท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน โดยต้องติดตามความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการค้าของสหรัฐฯ
อ่านข่าว:
ราคา “ทองคำ” ลบ 50 บาท “รูปพรรณ” ขายออก 43,500 บาท
"อินเดีย" ไข่มุกเอเชียใต้ เปิดช่องธุรกิจไทยรุกตลาดชนชั้นกลาง
"ชาวนาไทย" จนซ้ำซาก ทีทีบี เสนอใช้เทคโนโลยีใหม่ เร่งผลผลิต