วันนี้ (1 ก.ย.2567) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็นเป็นครั้งแรกหลัง “พรรคประชาธิปัตย์” มีมติเข้าร่วมรัฐบาล “พรรคเพื่อไทย”
นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ไม่ได้แปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่มองเห็นมาระยะหนึ่งแล้วและก็เป็นเหตุผลในวันที่ตนเองลาออก หลังจากเข้าไปพูดคุยกับหัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ก็เข้าใจว่าทิศทางจะเป็นเช่นนี้จึงได้ติดสินใจลาออก เพราะฉะนั้นไม่ได้รู้สึกแปลกใจและก็ทราบมาตลอดว่ามีความพยายามติดต่อกันมา
แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นสมาชิกมาเป็นเวลานานและผูกพันธ์กับพรรคเช่นเดียวกับคนอีกจำนวนมาก ซึ่งก็ยังคบหาพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ก็ต้องบอกว่าการกระทำครั้งนี้กระทบกระเทือนจิตใจของสมาชิก อดีตสมาชิก ผู้สนับสนุนจำนวนมาก อีกทั้งยังสังเกตเห็นว่าในบรรดาบุคคลที่ไม่เห็นด้วยในการลงมติ ก็เป็นอดีตหัวหน้าพรรคทั้ง 3 คนที่ยังมีตำแหน่งอยู่
อ่านข่าว : ซูเปอร์โพลเผย "ประชาธิปัตย์" คะแนนนิยมลดร่วมรัฐบาลเพื่อไทย
ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นปฏิเสธไม่ได้ว่าคงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในแง่ของคนที่เคยสนับสนุนพรรคมานาน และในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาที่มีคนมาพูดคุยหรือมาแสดงความคิดเห็นกับตนก็ไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด แต่เมื่อมีการตัดสินใจไปแล้วก็กลายเป็นทิศทางของพรรคที่ผู้บริหารต้องเดินหน้าและรับผิดชอบ
อยากให้เข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งในอดีตหรือการยึดติดรื่องเก่า แต่เป็นเรื่องของคนที่รู้สึกกระทบกระเทือนจิตใจมองว่าขัดกับความเป็นประชาธิปัตย์ ทั้งอุดมการณ์ที่ประกาศไว้ตั้งแต่ก่อตั้งพรรค รวมถึงแนวทางการทำงานทางการเมือง
นายอภิสิทธิ์ ระบุอีกว่า ตนสันนิษฐานว่าผู้บริหารพรรคก็คงมีเหตุผลของตัวเอง แต่ไม่แน่ใจว่าแนวความคิดที่มองว่าการเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้วจะช่วยสร้างผลงานหรืออะไรก็ตามที่จะช่วยเรียกคะแนนนิยมมาจะเป็นจริงได้ เนื่องจากสังคมก็มองเห็นชัดเจนว่าการเข้าไปครั้งนี้มันไม่ได้มีผลในเชิงเรื่องของเสถียรภาพอะไรของรัฐบาล เพราะไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ รัฐบาลก็มีเสถียรภาพอยู่แล้ว
อีกทั้งการเข้าไปร่วมครั้งนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีนโยบายอะไรที่พรรคประชาธิปัตย์จะเข้าไปผลักดันในตำแหน่งที่ได้มา ที่จะทำให้คนมองเห็นว่าไปสร้างความแตกต่างเปลี่ยนแปลง แต่ก็เป็นเรื่องที่ผู้ตัดสินใจจะต้องพิสูจน์ตัวเอง
อ่านข่าว : ปชป.มติ 34:4 ร่วมรัฐบาลเพื่อไทย ส่ง "เฉลิมชัย-เดชอิศม์" นั่ง รมต.
“อภิสิทธิ์” หนักใจท่าที ปชป.เปลี่ยน แต่เพื่อไทยไม่เปลี่ยน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รู้สึกหนักใจ ในขณะที่เพื่อไทยบอกว่าประชาธิปัตย์เปลี่ยนไปแล้ว แต่ตนไม่ได้มองว่าพรรคเพื่อไทยเปลี่ยน หลายสิ่งหลายอย่างที่เคยเป็นปัญหาในวันที่นายทักษิณ ชินวัตร กับคณะ มีอำนาจมากๆ เราก็เห็นแนวโน้มในช่วงปีที่ผ่านมาว่ามีโอกาสที่จะย้อนกลับมาอีก
เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยจะจับมือกันไปได้นานแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ เชื่อว่าขณะนี้แม้ตัดสินใจไปร่วมรัฐบาลแล้วก็คงพยายามประคับประคองเพื่อให้รัฐบาลอยู่จนครบเทอม นอกจากนี้ยังรู้สึกหนักใจแทนในเรื่องการวางตัวของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางส่วนที่อาจไม่ได้เห็นด้วยกับการร่วมรัฐบาลครั้งนี้ เพราะหากเชื่อย่างหนึ่ง แต่ต้องปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง มันเป็นเรื่องลำบาก
นายอภิสิทธิ์ ย้ำว่า เป็นหน้าที่ของผู้บริหารเมื่อตัดสินใจไปแล้ว มีเสียงทักท้วง มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ก็ควรรับฟังและต้องคิดว่ามีอะไรที่จะมาชดเชยกับสิ่งเหล่านี้ เพื่อกอบกู้ศรัทธากลับคืนมา แต่หากถามตนด้วยประสบการณ์ทั้งของประชาธิปัตย์เองตั้งแต่ปี 2562 แล้วหลายพรรคการเมืองในหลายประเทศที่ทำอะไรในลักษณะนี้ ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องยากมากในการจะกอบกู้สิ่งเหล่านี้คืนมาได้
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า มีโอกาสหรือไม่ที่จะกลับมากอบกู้พรรคประชาธิปัตย์ หรืออาจมีการเปลี่ยนยุคสมัยหรือเปลี่ยนแกนนำ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า คงไกลเกินไปที่จะพูดตรงนั้น ขณะนี้เป็นเรื่องของผู้บริหารชุดปัจจุบันที่จะต้องพิสูจน์แนวทางของตัวเองว่าเป็นแนวทางที่ควรจะเป็นสำหรับพรรคต่อไป แต่หากไปไม่ได้ก็ต้องติดตามดูผลที่จะตามมา ซึ่งจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ไม่อาจตอบได้
อ่านข่าว
“ชวน” มั่นใจไม่ร่วม “เพื่อไทย” อยู่คนเดียวได้ ไม่มีปัญหา