วันนี้ ( 13 ส.ค.2567) นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวกับ “ไทยพีบีเอสออนไลน์” กรณีที่ ศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัย คดีถอดถอนนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน กรณีตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน นั่งรัฐมนตรี ว่าความเป็นนายกฯจะต้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ในวันพรุ่งนี้ (14 ส.ค.2567) ว่า เอกชนมอง หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ไม่พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ตาม รัฐธรรมนูญ 2560 เชื่อว่า นโยบายต่างๆของรัฐบาล ยังคงเดินหน้าต่อ รวมถึงการดึงการลงทุนจากต่างประเทศ การเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยียังคงต้องขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย
แต่ในกรณีที่ศาลฯชี้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดจะทำให้นายเศรษฐาและครม.หลุดจากตำแหน่งนายก พร้อมครม.ทั้งคณะ ซึ่งอยู่ที่ฝ่ายการเมืองที่จะเตรียมการไว้ว่าจะออกมาสูตรไหน หากเป็นสูตรที่ไม่ต้องยุบสภาสามารถเลือกนายกฯได้ในระยะเวลาอันสั้น นโยบายต่างๆไม่เปลี่ยนแปลง สุญญากาศทางการเมืองจะเกิดเพียงช่วงสั้นๆ ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติมากนัก
นายวิศิษฐ์ กล่าวอีกว่า หากมีการยุบสภาน่าจะเป็นเรื่องใหญ่ หรือเปลี่ยนขั้วการเมืองซึ่งมองว่าอาจจะยาก เพียงแต่ว่าการเปลี่ยนแปลงจะต้องทำโดยเร็วไม่ควรเกิน 3 เดือน หากอยู่ในช่วงสั้นๆยิ่งดี เพราะภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว ทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ และบางประเทศเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ดังนั้นประเทศต้องมีผู้นำในการตัดสินใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติได้
สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ งบประมาณของปี 68 ที่จะเริ่มในเดือนต.ค.นี้ นโยบายของรัฐ การหมุนเวียนเศรษฐกิจในประเทศ ในไตรมาส2 ของปี ที่เป็นความหวังของเอกชน คือการใช้จ่ายของภาครัฐ ที่จะช่วยกระตุ้นเม็ดเงินในประเทศและกำลังซื้อผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม เอกชนมองว่า หากศาลฯตัดสินว่าให้พ้นจาความเป็นรัฐมนตรี กระบวนการหลังวันพรุ่งนี้ ( 14 ส.ค.) ควรมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจน ในการได้ตัวนายกคนใหม่หรือถ้าหนักสุดล้างไพ่ต้องใช้เวลากี่วัน เพราะเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเช่นนี้
อ่านข่าว:
เปิด 2 แนวทางคดีถอด "เศรษฐา" ศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตา 14 ส.ค.
“ราคาทอง”ครึ่งเช้า บวก 50 บาท “ทองรูปพรรณ” ขายออก 39,764 บาท
29 วินาที! สถิติใหม่พันธบัตรรัฐบาล 10,000 ล้านหมดเกลี้ยง