วันนี้ (18 ก.ย.2566) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยถึงประเด็นที่เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีหลายประเด็นที่เคยขอหารือไปแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้พบกัน
สำหรับปัญหาหลักของกรุงเทพมหานคร คือเราเป็นรูปแบบการปกครองพิเศษมีหลายส่วนที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันในการทำงาน
ถ้านายกรัฐมนตรี กรุณาตรงส่วนนี้ ก็จะทำให้การบริหารงานดีขึ้น เช่น เรื่องการจราจร, รถไฟฟ้า, การทางพิเศษแห่งประเทศไทย, การไฟฟ้านครหลวง, หรืองานด้านตำรวจจราจรอย่างเราก็ไปขอความร่วมมือได้ แต่เราสั่งการไม่ได้ ซึ่งถ้าทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน มีการสั่งการชัดเจนปัญหาหลายอย่างที่มีอยู่ ก็น่าจะบรรเทาได้เยอะ ไม่ใช่แค่เรื่องนี้แต่ยังรวมถึงเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวด้วย
หรืออย่างประเด็นด้านการท่องเที่ยวที่รัฐบาลขับเคลื่อนเป็น 1 ใน 16 นโยบาย โดยการท่องเที่ยวเป็นหัวใจหลักซึ่งภาคการท่องเที่ยวก็อยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วยเช่นกัน นักท่องเที่ยวจะมาลงที่กรุงเทพฯ แล้วกระจายการเดินทางออกไป เราทำอย่างไรให้เกิดความมั่นใจ
"ผมได้พูดคุยหารือกับท่านทูตฯ ตามสถานทูตต่างๆ ก็จะสื่อสารว่า เรื่องที่นักท่องเที่ยวบ่นกันมากที่สุด ก็คือเรื่องการเดินทาง รวมถึงปัญหาเรื่องแท็กซี่ผี, ตุ๊กๆ ผี รถที่รีดไถหลอกลวง นักท่องเที่ยว ซึ่งเรื่องนี้ กทม. ไปจับโดยตรงไม่ได้ เพราะอยู่นอกเหนือขอบเขตอำนาจของ กทม. แต่ถ้านำปัญหามาร่วมมือกันทุกภาคส่วน ทั้งตำรวจท่องเที่ยว การกำจัดไกด์ผี แท็กซี่ผี ตุ๊กๆ ที่โกงราคา ภาพก็จะดีขึ้นในแง่ของความร่วมมือกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากและไม่ต้องใช้การลงทุนไม่ต้องใช้เงิน แต่อาศัยนโยบายที่ชัดเจนกว่า"
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวด้วยว่า การเอาจริงเอาจังของฝ่ายบริหาร ผมว่าหลายอย่างจะดีขึ้นอย่างชัดเจน
ส่วนนโยบายของนายกรัฐมนตรี จะเน้นทั้งระยะสั้น และ ระยะยาว ซึ่งระยะยาวก็คือ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง แต่ถ้าระหว่างระยะยาวอย่างเดียว ต้องหาวิธีการแก้ปัญหาปัจจุบันไปด้วย สิ่งไหนไม่ต้องลงทุนมาก ไม่ต้องใช้เงินมากไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างไม่ต้องเสียเวลา ส่วนสิ่งไหนต้องรอแก้กฎหมาย รอสภาฯ ก็สามารถเดินหน้าได้คู่กันไปได้
สำหรับประเด็นที่ กทม. ตั้งใจหารือกับนายกรัฐมนตรี ยังมีเกี่ยวกับประเด็นปัญหา ช่น วิกฤตจราจรใน กทม., การท่องเที่ยว, เศรษฐกิจ, ฝุ่น PM2.5 และปัญหาสายสื่อสารลงดินด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
นายกฯ คาด พ.ย.นี้ เคาะปรับค่าแรงขั้นต่ำ - ดิจิทัลวอลเล็ต เริ่มไตรมาสแรกปีหน้า