เตรียมเร่งนำข้อมูลมติ ป.ป.ช. เสนอศาลปกครองพิจารณาใหม่ หวังคดีพลิก ปมบีทีเอส ฟ้อง กทม.ทวงหนี้เดินรถกว่า 10,000 ล้านบาท
สืบเนื่องจากกรณี ที่ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ มีมติ 12 ก.ย.2566 ชี้มูลความผิด อดีตผู้ว่าฯ กทม.ยุค ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร และผู้เกี่ยวข้องรวม 12 ราย ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งรวมถึงรวมถึง บริษัทขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ บีทีเอสซี และผู้บริหารระดับสูง และ บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูก ของกรุงเทพมหานครด้วยนั้น
ในคดีที่กรุงเทพมหานคร จ้าง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเเทพ จำกัด ( มหาชน) หรือ BTSC เดินรถไฟฟ้าโครงการสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย และขยายสัมปทานเดินรถในโครงข่ายเดิม ออกไปจนถึงปี 2585 แทนจากเดิมที่จะสิ้นสุดสัมปทานในปี 2572
วันนี้ (14 ก.ย.2566) นายธงทอง จันทรางศุ ประธานคณะกรรมการบริหารหรือ ประธานบอร์ด บริษัท กรุงเทพธนาคม (KT) ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสว่า วันพรุ่งนี้ (15 ก.ย.66) คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) นัดประชุมกัน เพราะมีประเด็นที่ต้องนำเรื่อง แนวทางที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนี้ไปหารือในคณะกรรมการ
ซึ่งสำนวนนี้ ทาง ป.ป.ช. ไต่สวนมานานหลายปีแล้ว มีบริษัทกรุงเทพธนาคม เป็นตัวละครอยู่ในนั้นด้วย โดยขอแยกออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนที่ 1 คือหากเกี่ยวกับ “ตัวบุคคล” กลุ่มผู้บริหาร กทม.ในเวลานั้น ทั้งผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารกรุงเทพธนาคมในเวลานั้น ในด้านความผิดถ้าอัยการส่งฟ้องจะผิดจะถูก จะมีข้อเท็จจริงอย่างไร ท่านเหล่านั้นต้องสู้คดีด้วยตัวท่านเอง
นายธงทอง จันทรางศุ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท กรุงเทพธนาคม (KT) จำกัด
แต่ในความเป็น บริษัทกรุงเทพธนาคม คิดว่าบริษัทจะต้องให้ข้อเท็จจริงไปว่า ข้อมูลที่บริษัทมีอยู่ในทีมบริหารชุดที่ผ่านมามีอะไรบ้าง หากอนาคตศาลาตัดสินว่าเป็นเรื่องผิด โดยสภาพความเป็นนิติบุคคล จะเอาบริษัทไปติดคุกไม่ได้ เพราะบริษัทเป็นตึก เป็นอาคาร เป็นบุคคลโดยสมมติในทางกฎหมาย ถ้าศาลจะลงโทษวินิจฉัยก็ต้องดูว่าต้องเสียเงินค่าปรับเท่าไร จำนวนมากน้อยเท่าใด
ผมคิดว่าในนามของบริษัท KT กรุงเทพธนาคมชุดปัจจุบัน เราก็พร้อม ปฏิบัติตามตามคำพิพากษาของศาล ในอนาคตหากมีการวินิจฉัย พิพากษาว่าบริษัทมีความผิดจริง แต่ประเด็นนี้จะเป็นนัยยะสำคัญในอนาคต และยิ่งถ้าศาลตัดสินแล้ว ผมเห็นว่าเรื่องนี้น่าคิดว่าการที่มีความบกพร่องความมีพิรุธในเรื่องเหล่านี้ ถ้าพิสูจน์ความจริงในศาลแล้วในชั้นศาลแล้ว จะส่งผลต่อการพิจารณาคดีในศาลปกครองอย่างไรตรงนี้ผมก็รอติดตามด้วย
สำหรับหลักฐานต่าง ๆ ในทางคดี นายธงทองกล่าวว่า เอกสารทั้งหมดอยู่ที่ บริษัทกรุงเทพธนาคม แต่ข้อเท็จจริงในรายละเอียดว่าช่วงที่เกิดเหตุ มีใครสื่อสารกับใครไว้ว่าอย่างไร บอร์ดชุดปัจจุบันมาไม่ทันในสมัยนั้น แต่ถ้าเป็นเอกสารที่อยู่ในสำนักงาน เรายืนยันว่า ทางบริษัทกรุงเทพธนาคม พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ รวมถึงถ้ายังมีพนักงาน ที่ยังทำงานอยู่กับเรามีส่วนรู้เห็น เป็นผู้เกี่ยวข้องอย่างไร เราก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับหน่วยตรวจสอบเต็มที่
เบื้องต้น คิดว่าทาง ป.ป.ช. มีหลักฐานมากเพียงพอแล้วถึงได้ตัดสินหรือชี้มูลความผิดออกมาในลักษณะเช่นนี้ ที่นำไปสู่ขั้นตอน การเตรียมส่งอัยการดำเนินคดี และหลังจากนี้ หากพนักงานอัยการ ต้องการเอกสารใด ๆ เพิ่มเติมทางบริษัทก็พร้อมให้ความร่วมมือเช่นกัน
ในชั้นศาลปกครองขณะนี้ ยังมีคดีที่ เราโดนบีทีเอสฟ้อง ทวงหนี้อยู่ แต่หาก ป.ป.ช. มีมติเช่นนี้ เราจะนำมติ ป.ป.ช. ไปยื่นต่อศาลปกครองสูงสุดใหม่ เพื่อให้ประกอบการพิจารณาที่ศาลอยู่ในกระบวนการไต่สวนขณะนี้ และเรามองว่าเรื่องนี้จะเป็นสถานการณ์บวก ต่อกรุงเทพธนาคม ในการสู้คดี
อ่านข่าวอื่นๆ
"พิพัฒน์" มอบนโยบาย 8 ข้อ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เร่งปรับค่าแรง 400 บาท
“เศรษฐา” แนะใช้คอนเนคชั่น “บุคคลพิเศษ” ของ นศ.วปอ.ลดเหลื่อมล้ำ