วันนี้ (21 พ.ย.2565) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ ระบุว่า ข้อมูลของสัปดาห์ที่ 46 ปี 2565 ระหว่างวันที่ 13-19 พ.ย.นี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สะสม 3,957 คน เฉลี่ยวันละ 565 คน รวมสะสมตั้งแต่ต้นปี 2,478,895 คน หายป่วยสะสม 2,478,895 ราย (ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565)
ขณะที่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่ 69 คน เฉลี่ยวันละ 9 คน รวมสะสม 11,408 คน (ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565) มีผู้ป่วยปอดอักเสบ 432 คน และต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 252 คน
ติดเชื้อเพิ่มเกือบ 25%
สอดคล้องกับข้อมูลที่ นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ว่า ล่าสุดรายงานทางการสัปดาห์ที่ผ่านมา (13-19 พ.ย.2565) จำนวนผู้ป่วยนอนโรงพยาบาล 3,957 ราย ตาย 69 ราย
คาดประมาณจำนวนคนติดเชื้อต่อวันราว 18,843 คน สูงกว่าสัปดาห์ก่อน 24.97% การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก
นอกจากนี้ นพ.ธีะระ ยังระบุว่า เมื่อวานนี้ (20 พ.ย.) ทั่วโลกติดเพิ่ม 203,628 คน ตายเพิ่ม 373 คน รวม 643,034,979 คน เสียชีวิตสะสม 6,625,861 คน โดย 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฝรั่งเศส และฮ่องกง
จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรป และเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 14 ใน 20 อันดับแรกของโลก ติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป คิดเป็นร้อยละ 90.59 ของทั้งโลก จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 89.27
ภาพรวมทั่วโลก
ข้อมูลจาก Ourworldindata เช้านี้ ชี้ให้เห็นว่า จำนวนติดเชื้อเพิ่มขึ้นชัดเจนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศในแถบโอเชียเนีย อเมริกาใต้ และเอเชีย
และหากจำแนกตามระดับรายได้ ก็จะพบว่าจำนวนติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นมากนั้น มักอยู่ในกลุ่มประเทศรายได้สูง และรายได้ปานกลางระดับสูง
ระบบรายงานของไทยในปัจจุบันนั้นไม่ได้เอื้อให้ประชาชนทราบสถานการณ์ได้ละเอียดเพียงพอ ทำให้ต้องประเมินกันจากสถานการณ์รอบตัว และรายงานสถานการณ์ของสากล
หลายคนคงเห็นแล้วว่า รอบตัวมีการติดเชื้อกันเยอะขึ้นมาก เป็นผลมาจากปัจจัยหลักได้แก่ การเปิดเสรีการใช้ชีวิตและท่องเที่ยวระหว่างประเทศ การป้องกันตัวที่ลดลง ไวรัสที่มีสมรรถนะหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่มากขึ้นและมีความหลากหลายของสายพันธุ์ซึ่งมาจากการเดินทางระหว่างประเทศ และสุดท้ายคือประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่ระดับภูมิคุ้มกันจากวัคซีนเข็มสุดท้ายที่ได้รับนั้นตกลงไป
ควบคู่ไปกับการพบคนที่ติดเชื้อนั้นมักมีอาการป่วย เพราะไวรัสปัจจุบันได้รับการศึกษาแล้วพบว่า ทำให้ติดเชื้อแล้วมีอาการป่วยกว่า 90% คนที่ติดแบบไม่มีอาการมีสัดส่วนที่น้อย (<10%) สิ่งที่ต้องระวังเพิ่มเติมคือ ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการป่วยรุนแรงจะลดลงตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก 7 เดือนไปแล้ว ดังนั้นการไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น จึงมีความจำเป็น เพื่อลดโอกาสป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต รวมถึง Long COVID ด้วย
Long COVID กับเบาหวาน
นอกจากนี้ข้อมูลของ Zhang T และคณะ จาก Chinese Academy of Medical Science and Peking Union Medical College ประเทศจีน ได้เผยแพร่ผลการทบทวนข้อมูลวิชาการอย่างเป็นระบบและวิเคราะห์อภิมาน ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ระดับสากล BMC Medicine เมื่อ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา
จากการทบทวนงานวิจัยทั่วโลก จนถึง มิ.ย.นี้ พบว่ามีงานวิจัย 9 ชิ้นที่ทำการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการติดเชื้อโรคโควิด-19 กับการเกิดโรคเบาหวานทั้งชนิดที่ 1 และ 2 โดยมีประชากรที่ทำการศึกษาทั้งหมดกว่า 40 ล้านคนทั่วโลก