วันนี้ (19 ส.ค.2565) บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ผู้ให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ได้เปิดการให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย 8 (2-38) ในคอนเซ็ปต์ “We Come To Change Fast 8 To Feel Good เรามาเพื่อเปลี่ยนความรู้สึกให้ดีขึ้น”
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า เป้าหมายการเปิดให้บริการ คือ การบรรจุรถขนส่งสาธารณะที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 1,250 คัน ภายในเดือน ธ.ค.นี้
ส่วนอัตราค่าโดยสารจะเท่ากับอดีต 15-25 บาท ตามระยะทาง และจะมีการจำหน่ายบัตรโดยสาร หรืออี-ทิกเก็ต หากเดินทางในวันนั้นครบ 40 บาท เฉพาะกลุ่มบริษัทไทย สมายล์ บัส ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม และยังสามารถใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ด้วย
ขณะที่อนาคตผู้ประกอบการจะใช้ AI ช่วยบริหารจัดการการเดินรถ เช่น เรื่องเวลา หรือแม้แต่จำนวนที่นั่งว่างว่าเหลือเท่าใด เพื่อดูความต้องการใช้งานในแต่ละช่วงเวลา และการบริหารจัดการการเดินรถ
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการเอกชนยังเสนอขอเชื่อมต่อระบบอื่น ๆ เช่น รถไฟทางไกล เรือ รถไฟฟ้า โดยกระทรวงคมนาคม มีแผนว่าภายใน 3 ปี จะเปลี่ยนจากรถร้อนมาเป็นรถปรับอากาศที่ใช้พลังงานไฟฟ้า มีการออกแบบเพื่อผู้พิการ บัตรโดยสารระบบอิเล็กทรอนิกส์
หลังจากนี้จะมีการประเมินผล 60 วัน ว่า จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการประชาชนได้หรือไม่ พร้อมสั่งการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบเรื่องเส้นทางและการเปลี่ยนหมายเลขรถเมล์ และเตรียมเสนอให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดเมื่อครบ 237 เส้นทางอีกครั้ง ขณะที่ปัจจุบันยังมีสาย 8 เดิมที่ยังให้บริการอยู่ และจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2566
ด้าน น.ส.กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด เปิดเผยว่า เป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าในเฟสแรกมีทั้งสิ้น 153 คัน จะทยอยนำมาใช้ล็อตแรก 40 คัน เริ่มวิ่งวันพรุ่งนี้ (20 ส.ค.) และจะนำออกมาวิ่งครบทั้งหมดภายในเดือน ส.ค.นี้ พร้อมติดตั้งตู้ชาร์ตแบบฟาสต์ชาร์ต กำลังไฟ 310 กิโลวัตต์ชั่วโมง
ชาร์ตหนึ่งครั้ง ใช้เวลา 1.40 ชั่วโมง วิ่งได้ 4 รอบ 280 กิโลเมตรต่อวัน ซึ่งมีกระจายตามอู่ต่าง ๆ ทั้ง 8 อู่ อู่ละ 20 หัวชาร์ต ครอบคลุม 71 เส้นทางที่บริษัทฯ ได้รับสัมปทาน มีแผนเปิดให้บริการภายในปี 2565
ทั้งนี้ รถทุกคันได้ติดตั้งเครื่องเก็บค่าโดยสารแบบอี-ทิกเก็ต ซึ่งจะเริ่มใช้ 100 % ได้เดือนหน้า (ก.ย.) ควบคู่กับการใช้เงินสด โดยเป็นการเติมเงินไม่จำกัดขั้นต่ำ ผ่านระบบที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาเอง เพื่อเตรียมพร้อมเชื่อมต่อการเดินทางแบบระบบเครือข่าย “รถ-เรือ-ราง” ครบวงจร ควบคู่ไปกับการฝึกอบรมพนักงานขับรถ ซึ่งเรียกว่ากัปตันเมล์ และพนักงานต้อนรับบนรถโดยสาร ที่เรียกว่าบัสโฮสเตสให้มีความรู้ ความชำนาญในเส้นทาง คำนึงถึงความปลอดภัย ด้วยสโลแกน “เดินทางด้วยรอยยิ้ม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ” โดยเก็บค่าโดยสารตามเดิม คือ 15 , 20 และ 25 บาท
นอกจากนี้ ได้รับพนักงานจากสาย 8 เดิม มาทำงานด้วยประมาณร้อยละ 15 ซึ่งผ่านการอบรม เพราะบางส่วนยังทำงานกับรถเมล์ร้อนที่ยังให้บริการอยู่
นายทวีศักดิ์ แสงเงิน พนักงานขับรถ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ขับรถอยู่กับสาย 8 เดิม ยอมรับว่า มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและขับรถเร็ว แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นสายใหม่ มีการอบรมและมีข้อกำหนดพนักงานห้ามใช้ความเร็วเกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, ขับรถชิดซ้ายจอดตรงป้าย หากผิดกฎจะถูกหักเงินเดือน พร้อมขอโอกาสจากประชาชนในการใช้บริการ ยืนยันว่า จะไม่ขับรถและให้บริการแบบเดิมแน่นอน
สำหรับรถเมล์สาย 2-38 แฮปปี้แลนด์-สะพานพุทธฯ เป็นรถพลังงานไฟฟ้าภายในตัวรถมี 31 ที่นั่ง มีอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย ประตูฉุกเฉิน ที่นั่งสำหรับวีลแชร์