วันนี้ (14 ม.ค.2565) บรรยากาศที่ร้านสะดวกซัก "Wash coin" เป็นไปอย่างเงียบเหงา หลังบริษัท โมบาย ทู แมชชีน คอร์ปอเรชัน จำกัด ในฐานะผู้ให้บริการระบบร้านสะดวกซัก ซึ่งชำระเงินและมีระบบอำนวยความสะดวกผ่านแอปพลิเคชัน ประกาศปิดระบบให้บริการในวันที่ 20 ม.ค. และปิดกิจการ 25 ม.ค.2565
ผู้ลงทุนแฟรนไชส์ "Wash coin" เปิดเผยว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้ใช้บริการ ซึ่งไม่สามารถระบุได้ชัดว่า มียอดวงเงินคงค้าง ในส่วนผู้ใช้บริการมากน้อยเพียงใด แต่จากการประเมินความเสียหายจากกลุ่มผู้ลงทุนซื้อแฟรนไชส์ คาดว่าไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท
และขณะนี้เริ่มพบปัญหาการผัดผ่อนโอนค่าบริการ ให้กับผู้ลงทุนประเภทซื้อแฟรนไชส์ระบบและจัดหาพื้นที่เช่าติดตั้งเครื่อง ซึ่งบริษัทยังคงขายแฟรนไชส์ในเดือน พ.ย.2564 และปิดบริษัทต้นเดือน ม.ค.2565
ส่งผลให้กระทบกับผู้ลงทุนแฟรนไชส์บางส่วน ที่ลงทุนเช่าพื้นที่ไปแล้ว แต่ยังไม่มีผู้เข้าดำเนินการติดตั้งเครื่องและเดินระบบ ทั้งนี้ มองว่าบริษัทอาจเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน
มีอีกประมาณ 70-80 ร้านจะได้รับผลกระทบจากที่เขาหยุดดำเนินการ
ผู้ลงทุนแฟรนไชส์ Wash coin เตือนผู้ลงทุนแฟรนไชส์ตู้ยาอัตโนมัติ ให้ตรวจสอบประวัติผู้บริหารก่อนตัดสินใจลงทุน พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อเร่งเยียวยาผู้เสียหาย และป้องกันไม่ให้ซ้ำรอยเหตุการณ์นี้
นายมงคล เกริกพิพัฒน์สกุล CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Washcoin ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า ผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อยอดขายของธุรกิจอย่างรุนแรง และปัญหาจากผู้ถือหุ้นบางส่วน พยายามขัดขวางการเพิ่มทุนและเปลี่ยนมือผู้บริหารกิจการ ส่งผลการแก้ปัญหาล่าช้า
ล่าสุด บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ ในฐานะผู้ให้บริการธุรกิจแฟรนไชส์ สะดวกซัก "Mr.Hi" เตรียมเข้าบริหารระบบรีแบรนด์ดิ้งและโอนเงินค่าบริหารค้างชำระสำหรับผู้ลงทุน "Wash coin" เฉพาะกลุ่มที่เปิดบริการแล้ว
ส่วนผู้ลงทุนใหม่ที่จ่ายค่าแฟรนไชส์ไปแล้ว ต้องดำเนินการฟ้องร้อง เรียกค่าเสียหายเอง